ในแง่ของการลงทุน ปัจจุบันมีรูปแบบการลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรหลากหลายรูปแบบให้เลือก อย่างเช่น ฟอร์เร็กซ์กับคาสิโน แต่ทั้งสองอย่างนี้ก็ทั้งสิ่งที่เหมือนและแตกต่าง ตามที่จะพูดถึงในหัวข้อต่อไปนี้ อันดับแรกเลยก็คือ ทั้งฟอร์เร็กซ์และคาสิโน เป็นการลงทุน ที่ผู้ลงทุนต้องเข้าใจเรื่องการลงทุนแบบออนไลน์เป็นอย่างดี นี่คือสิ่งที่เหมือนกัน ยิ่งมีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบ ส่วนในเรื่องของความแตกต่างนั้น ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ก็คงจะเป็นเรื่องของระยะเวลาในการตัดสินใจ ผู้ลงทุนที่เคยลงทุนกับคาสิโนออนไลน์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นคาสิโนออนไลน์รองรับเงินไทยหรือคาสิโนสัญชาติต่างประเทศทั้งหลาย คุณต้องตัดสินใจรวดเร็วมากเพียงไม่เกิน 30 วินาที ในการเลือกฝั่ง แต่สำหรับ ฟอร์เร็กซ์ คุณจะมีเวลาพิจารณาไตร่ตรองข้อมูลก่อนการเลือกตัดสินใจค่อนข้างมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม การลงทุนทั้งสองรูปแบบนี้ มีโอกาสทั้งได้กำไรและขาดทุนในความเสี่ยงเท่าๆกัน บางคนได้กำไรมาก แล้วต้องการทำกำไรให้สูงขึ้น แต่พลาดท่ากลายเป็นขาดทุน หรือบางคนช่วงแรกๆ ขาดทุนแต่ไม่ยอมแพ้ สุดท้ายก็พลิกกลับมาได้กำไรอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลของฟอร์เร็กซ์ ให้เข้าใจถ่องแท้ ส่วนคาสิโนนั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเป็นหลัก และที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของสถิติ หลักการทางสถิติสามารถใช้ได้ผลกับทั้งฟอร์เร็กซ์และคาสิโน ในแบบที่ผู้ลงทุนที่อยู่ในแวดวงนี้มานานทราบดี แต่ผู้ลงทุนหน้าใหม่ ก็ต้องค่อยๆ ศึกษาไปอย่างใจเย็น

ในแง่ของการลงทุน ปัจจุบันมีรูปแบบการลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรหลากหลายรูปแบบให้เลือก อย่างเช่น ฟอร์เร็กซ์กับคาสิโน แต่ทั้งสองอย่างนี้ก็ทั้งสิ่งที่เหมือนและแตกต่าง ตามที่จะพูดถึงในหัวข้อต่อไปนี้ อันดับแรกเลยก็คือ ทั้งฟอร์เร็กซ์และคาสิโน เป็นการลงทุน ที่ผู้ลงทุนต้องเข้าใจเรื่องการลงทุนแบบออนไลน์เป็นอย่างดี นี่คือสิ่งที่เหมือนกัน ยิ่งมีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบ ส่วนในเรื่องของความแตกต่างนั้น ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ก็คงจะเป็นเรื่องของระยะเวลาในการตัดสินใจ ผู้ลงทุนที่เคยลงทุนกับคาสิโนออนไลน์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นคาสิโนออนไลน์รองรับเงินไทยหรือคาสิโนสัญชาติต่างประเทศทั้งหลาย คุณต้องตัดสินใจรวดเร็วมากเพียงไม่เกิน 30 วินาที ในการเลือกฝั่ง แต่สำหรับ ฟอร์เร็กซ์ คุณจะมีเวลาพิจารณาไตร่ตรองข้อมูลก่อนการเลือกตัดสินใจค่อนข้างมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม การลงทุนทั้งสองรูปแบบนี้ มีโอกาสทั้งได้กำไรและขาดทุนในความเสี่ยงเท่าๆกัน บางคนได้กำไรมาก แล้วต้องการทำกำไรให้สูงขึ้น แต่พลาดท่ากลายเป็นขาดทุน หรือบางคนช่วงแรกๆ ขาดทุนแต่ไม่ยอมแพ้ สุดท้ายก็พลิกกลับมาได้กำไรอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลของฟอร์เร็กซ์ ให้เข้าใจถ่องแท้ ส่วนคาสิโนนั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเป็นหลัก และที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของสถิติ หลักการทางสถิติสามารถใช้ได้ผลกับทั้งฟอร์เร็กซ์และคาสิโน ในแบบที่ผู้ลงทุนที่อยู่ในแวดวงนี้มานานทราบดี แต่ผู้ลงทุนหน้าใหม่ ก็ต้องค่อยๆ ศึกษาไปอย่างใจเย็น

ลองมองสิงค์โปรเป็นตัวอย่าง ประเทศซึ่งไม่มีทรัพยากร รัฐบาลต้องวางแผนระยะยาวเพื่อมองถึงปัญหาและทางรอดของประเทศ หลายๆสังคมในโลกกำลังจะเข้าสู่สังคมวัยชรา คนวัยทำงานมีน้อย แถมยังต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ แล้วอาจจะลูกด้วย กลายเป็นคนวัยทำงานแค่คนสองคน จะต้องดูแลคนใกล้ตัวตั้งมากมาย สิงค์โปรจึงวางตัวเองเป็น Smart Nation สังคมที่ technology จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายพัฒนา 5 อย่าง 1. การขนส่ง 2.ที่อยู่อาศัย และ สภาพแวดล้อม (Smart City) 3.สร้างธุรกิจที่ก่อเกิดประโยชน์ 4.สุขภาพและสังคมผู้สูงอายุ 5.สาธรณูปโภค ตัวอย่างของแนวคิด Smart Nation การขนส่ง -การคมนาคมทั้งหมดจะเป็นระบบราง และ Ride sharing สิงค์โปรจะปลอดรถส่วนบุคคลในปี 2050 ถ้าประชาชนไม่ขึ้นรถไฟ ก็สามารถขึ้น Taxi ไร้คนขับไปถึงที่หมาย จึงไม่ต้องมีอาคารจอดรถอีกต่อไป เพราะรถจะวิ่งไปหาจุดที่มีความต้องการใช้อัตโนมัติ โครงการนี้เริ่มทดลองใช้แล้ว -ขยายสนามบินให้รองรับคนได้ 135ล้านคน -ป้ายรถเมล์อัจฉริยะที่รายงานตำแหน่งของรถเมล์ทุกสายแบบ real time ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่ารถเมล์สายไหนกำลังจะมา สายไหนต่อไป คนแน่นแค่ไหน ถ้ารู้แบบนี้เราก็กะเวลาออกจากบ้านถูก แถมยังจ่ายด้วยระบบ NFC ผ่านมือถือได้ด้วย ระบบนี้ยังสามารถบอกด้วยว่าบริเวณไหนที่คนต้องการรถเมล์เยอะ รถเมล์ก็จะเปลี่ยนเส้นทางจากทางที่คนต้องการน้อยไปคนต้องการเยอะ -สิงค์โปรยังคงต้องการเป็นพอร์ทท่าเรือนํ้าลึกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทุกอย่างควบคุมโดยระบบ Automation ทั้งการดูแลเรือที่เทียบท่า เคลนยกของที่ไม่ต้องมีคนบังคับ และนำของไปสู่สถานที่ต่างๆโดยรถไร้คนขับ -ระบบดาวเทียมที่ช่วยรายงานรถที่สัญจรไปมา เตือนคนขีบรถเร็ว จอดในที่ห้ามจอด รายงานสภาพจราจรให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด -ถนน 12 กิโลเมตร กำหนดเป็นพื้นที่ทดลอง รถไร้คนขับ และเมื่อเดือนกรกฏาคม 2017 ที่ผ่านมา เพิ่มพื้นที่ทดลองขึ้นอีก 55 กิโลเมตร บ้านอัจฉริยะ -ควบคุมการใช้นํ้า ไฟ ให้มีประสิทธิภาพ ปิดเองเวลาไม่มีคนใช้ -การดูแลนํ้าเสียให้เอาไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่น ส่งครงไปรดต้นไม้ในชุมชน -เวลาทิ้งขยะ ก็เอาใส่ช่องลมที่จะเป็นท่อแรงดันอากาศ ดันขยะไปที่โรงเก็บขยะ แล้วนำไปทำลาย โดยไม่ต้องใช้คน -ติดตั้งแผงโซล่าไว้บนตัวตึกเพื่อนำพลังงานมาใช้หมุนเวียน -หันตึกให้เข้าหาทิศทางที่ระบายอากาศได้ดีที่สุด ด้านสุขภาพ -ระบบ EMS Elderly Monitoring System ติดเซนเซอร์ภายในบ้านเพื่อรายงานสถานะของผู้สูงอายุ เช่น ถ้าอยู่นิ่งนานผิดปรกติ ระบบก็จะส่งสัญญานไปเตือนลูกหลานที่ที่ทำงาน -ระบบ Tele-Health หาหมอขณะที่อยู่่บ้าน แค่ติดเซนเซอร์ตามร่างกายอ่านค่าที่ผิดปรกติ หมอก็สามารถวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องไปที่โรงพยาบาล ด้านธุรกิจ -AI.SG จัดตั้งขึ้นเพื่อให้สิงค์โปรใช้ AI ให้ก่อประโยชน์สูงสุด เช่นใช้ AI ในด้าน Healthcare เมื่อ AI มีข้อมูลโรคและสถานะของคนทุกคนในประเทศ มันก็สามารถวางแผนป้องกัน ตรวจ รักษา จัดการยา ให้ยา และ ผลิตยาที่มีความต้องการให้พอเียงได้เอง หรือเพราะการพัฒนาด้าน AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ความสามารถของมันยังไได้อีกไกล โครงการณ์นี้จึงอยากจะพัฒนา AI ให้มันต่อยอดขึ้นไปให้เกิด Innovation ใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา

ลองมองสิงค์โปรเป็นตัวอย่าง ประเทศซึ่งไม่มีทรัพยากร รัฐบาลต้องวางแผนระยะยาวเพื่อมองถึงปัญหาและทางรอดของประเทศ หลายๆสังคมในโลกกำลังจะเข้าสู่สังคมวัยชรา คนวัยทำงานมีน้อย แถมยังต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ แล้วอาจจะลูกด้วย กลายเป็นคนวัยทำงานแค่คนสองคน จะต้องดูแลคนใกล้ตัวตั้งมากมาย สิงค์โปรจึงวางตัวเองเป็น Smart Nation สังคมที่ technology จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายพัฒนา 5 อย่าง 1. การขนส่ง 2.ที่อยู่อาศัย และ สภาพแวดล้อม (Smart City) 3.สร้างธุรกิจที่ก่อเกิดประโยชน์ 4.สุขภาพและสังคมผู้สูงอายุ 5.สาธรณูปโภค ตัวอย่างของแนวคิด Smart Nation การขนส่ง -การคมนาคมทั้งหมดจะเป็นระบบราง และ Ride sharing สิงค์โปรจะปลอดรถส่วนบุคคลในปี 2050 ถ้าประชาชนไม่ขึ้นรถไฟ ก็สามารถขึ้น Taxi ไร้คนขับไปถึงที่หมาย จึงไม่ต้องมีอาคารจอดรถอีกต่อไป เพราะรถจะวิ่งไปหาจุดที่มีความต้องการใช้อัตโนมัติ โครงการนี้เริ่มทดลองใช้แล้ว -ขยายสนามบินให้รองรับคนได้ 135ล้านคน -ป้ายรถเมล์อัจฉริยะที่รายงานตำแหน่งของรถเมล์ทุกสายแบบ real time ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่ารถเมล์สายไหนกำลังจะมา สายไหนต่อไป คนแน่นแค่ไหน ถ้ารู้แบบนี้เราก็กะเวลาออกจากบ้านถูก แถมยังจ่ายด้วยระบบ NFC ผ่านมือถือได้ด้วย ระบบนี้ยังสามารถบอกด้วยว่าบริเวณไหนที่คนต้องการรถเมล์เยอะ รถเมล์ก็จะเปลี่ยนเส้นทางจากทางที่คนต้องการน้อยไปคนต้องการเยอะ -สิงค์โปรยังคงต้องการเป็นพอร์ทท่าเรือนํ้าลึกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทุกอย่างควบคุมโดยระบบ Automation ทั้งการดูแลเรือที่เทียบท่า เคลนยกของที่ไม่ต้องมีคนบังคับ และนำของไปสู่สถานที่ต่างๆโดยรถไร้คนขับ -ระบบดาวเทียมที่ช่วยรายงานรถที่สัญจรไปมา เตือนคนขีบรถเร็ว จอดในที่ห้ามจอด รายงานสภาพจราจรให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด -ถนน 12 กิโลเมตร กำหนดเป็นพื้นที่ทดลอง รถไร้คนขับ และเมื่อเดือนกรกฏาคม 2017 ที่ผ่านมา เพิ่มพื้นที่ทดลองขึ้นอีก 55 กิโลเมตร บ้านอัจฉริยะ -ควบคุมการใช้นํ้า ไฟ ให้มีประสิทธิภาพ ปิดเองเวลาไม่มีคนใช้ -การดูแลนํ้าเสียให้เอาไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่น ส่งครงไปรดต้นไม้ในชุมชน -เวลาทิ้งขยะ ก็เอาใส่ช่องลมที่จะเป็นท่อแรงดันอากาศ ดันขยะไปที่โรงเก็บขยะ แล้วนำไปทำลาย โดยไม่ต้องใช้คน -ติดตั้งแผงโซล่าไว้บนตัวตึกเพื่อนำพลังงานมาใช้หมุนเวียน -หันตึกให้เข้าหาทิศทางที่ระบายอากาศได้ดีที่สุด ด้านสุขภาพ -ระบบ EMS Elderly Monitoring System ติดเซนเซอร์ภายในบ้านเพื่อรายงานสถานะของผู้สูงอายุ เช่น ถ้าอยู่นิ่งนานผิดปรกติ ระบบก็จะส่งสัญญานไปเตือนลูกหลานที่ที่ทำงาน -ระบบ Tele-Health หาหมอขณะที่อยู่่บ้าน แค่ติดเซนเซอร์ตามร่างกายอ่านค่าที่ผิดปรกติ หมอก็สามารถวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องไปที่โรงพยาบาล ด้านธุรกิจ -AI.SG จัดตั้งขึ้นเพื่อให้สิงค์โปรใช้ AI ให้ก่อประโยชน์สูงสุด เช่นใช้ AI ในด้าน Healthcare เมื่อ AI มีข้อมูลโรคและสถานะของคนทุกคนในประเทศ มันก็สามารถวางแผนป้องกัน ตรวจ รักษา จัดการยา ให้ยา และ ผลิตยาที่มีความต้องการให้พอเียงได้เอง หรือเพราะการพัฒนาด้าน AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ความสามารถของมันยังไได้อีกไกล โครงการณ์นี้จึงอยากจะพัฒนา AI ให้มันต่อยอดขึ้นไปให้เกิด Innovation ใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา

นางแจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทั้งที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจนนัก ดอกเบี้ยถูกดึงขึ้นอีก 0.25% เป็น 1.0% พร้อมกับส่งสัญญานว่าตลอดทั้งปีนี้ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งด้วยกัน เฟดขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการคลังยุคประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ไม่แน่ว่าจะต้องออกแรงต่อสู้กับสภาคองเกรสกันอีกกี่รอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดลดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แผนปฏิรูประบบประกันสุขภาพแห่งชาติ (Obamacare) ที่พยายามจะปรับเปลี่ยนเป็น Trumpcare ก็ยังไม่ชัดเจน รวมทั้งแผนลดภาษีทั้งระดับรายได้ส่วนบุคคล และนิติบุคคล ซึ่งอาจเจอแรงต้านจากสภา เพราะว่าเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง $20 ล้าน ถึงวันครบอายุแล้วเมื่อ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ถ้าจะขยับขึ้นเพดานหนี้ เพื่อให้รัฐบาลกลางสามารถก่อหนี้เพื่ออุดงบประมาณขาดดุล หรือเพื่อเอาหนี้ใหม่ไปจ่ายหนี้เก่า ทรัมป์จำต้องเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสมาชิก

นางแจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทั้งที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจนนัก ดอกเบี้ยถูกดึงขึ้นอีก 0.25% เป็น 1.0% พร้อมกับส่งสัญญานว่าตลอดทั้งปีนี้ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งด้วยกัน เฟดขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการคลังยุคประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ไม่แน่ว่าจะต้องออกแรงต่อสู้กับสภาคองเกรสกันอีกกี่รอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดลดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แผนปฏิรูประบบประกันสุขภาพแห่งชาติ (Obamacare) ที่พยายามจะปรับเปลี่ยนเป็น Trumpcare ก็ยังไม่ชัดเจน รวมทั้งแผนลดภาษีทั้งระดับรายได้ส่วนบุคคล และนิติบุคคล ซึ่งอาจเจอแรงต้านจากสภา เพราะว่าเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง $20 ล้าน ถึงวันครบอายุแล้วเมื่อ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ถ้าจะขยับขึ้นเพดานหนี้ เพื่อให้รัฐบาลกลางสามารถก่อหนี้เพื่ออุดงบประมาณขาดดุล หรือเพื่อเอาหนี้ใหม่ไปจ่ายหนี้เก่า ทรัมป์จำต้องเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสมาชิก

ราคาน้ำมันอาจดิ่งลงไปอยู่ที่ 40 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากการผลิตน้ำมันจากชั้นหินของสหรัฐอเมริกาเพี่มขึ้น นักลงทุนชาวอเมริกัน Kyle Shostak บอกกับสปุตนิก วอชิงตัน 2 Apr 2017 Sputnik News Shostak กล่าวว่าระดับการผลิตน้ำมันที่ประกาศโดยโอเปก ความเป็นจริงได้รับผลกระทบจากตัวเลขการผลิตของสหรัฐอเมริกาซึ่งไม่ใช่สมาชิกของโอเปค "การผลิตน้ำมันของสหรัฐฯกำลังเพิ่มขึ้น" โชสตาคกล่าว "นี่เป็นความกดดันอย่างมากต่อราคาและมีแนวโน้มว่าราคาจะลดลงเหลือ 40 เหรียญต่อบาร์เรลในอีกหกเดือนข้างหน้า" Shostak กล่าวว่าการผลิตน้ำมันจากชั้นหินที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลเสียต่อตลาดราคาน้ำมัน "เส้นทางการปฏิวัติน้ำมันจากหินดินดานไม่น่าจะเปลี่ยนไป แต่แผนธุรกิจ ผมคิดว่าจะได้รับการแก้ไขเพราะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับพวกเขา" เขากล่าว

ราคาน้ำมันอาจดิ่งลงไปอยู่ที่ 40 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากการผลิตน้ำมันจากชั้นหินของสหรัฐอเมริกาเพี่มขึ้น นักลงทุนชาวอเมริกัน Kyle Shostak บอกกับสปุตนิก วอชิงตัน 2 Apr 2017 Sputnik News Shostak กล่าวว่าระดับการผลิตน้ำมันที่ประกาศโดยโอเปก ความเป็นจริงได้รับผลกระทบจากตัวเลขการผลิตของสหรัฐอเมริกาซึ่งไม่ใช่สมาชิกของโอเปค "การผลิตน้ำมันของสหรัฐฯกำลังเพิ่มขึ้น" โชสตาคกล่าว "นี่เป็นความกดดันอย่างมากต่อราคาและมีแนวโน้มว่าราคาจะลดลงเหลือ 40 เหรียญต่อบาร์เรลในอีกหกเดือนข้างหน้า" Shostak กล่าวว่าการผลิตน้ำมันจากชั้นหินที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลเสียต่อตลาดราคาน้ำมัน "เส้นทางการปฏิวัติน้ำมันจากหินดินดานไม่น่าจะเปลี่ยนไป แต่แผนธุรกิจ ผมคิดว่าจะได้รับการแก้ไขเพราะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับพวกเขา" เขากล่าว

“ผมบอกกับคุณเลยว่า เศรษฐีที่จะมีเงินล้านล้านเหรียญ จะเป็นคนที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ และรู้ทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แล้วนำมาประยุกต์ให้เกิดรูปแบบที่ไม่มีใครคาดคิดถึงมาก่อน” นายคิวบัน เจ้าของ Shark Tank กล่าวในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คอมพิวเตอร์โปรเซสเซอร์ที่ประมวลผลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งความสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ใหญ่ขึ้น เป็นพื้นฐานสำคัญของพัฒนาการด้านปัญญาประดิษฐ์ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ธุรกิจประกันภัย “เราจะได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในอีก 10 ปีข้างหน้า ว่ามีเหนือกว่าสิ่งที่เรามีใน 30 ปีที่ผ่านมา มันจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด” นายคิวบันกล่าว เขายกตัวอย่างกูเกิล ซึ่งเพิ่งจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ได้ไม่นานนี้ สามารถเพิ่มรายได้ $9,000 ล้าน ไม่ว่าเราจะเรียนอะไร ถ้าหากเราตามไม่ทันการเรียนรู้ระดับลึกลงไป (deep learning) หรือไม่รู้จักโครงข่ายประสาทเทียม เราจะเป็นผู้แพ้ เรากำลังจะผ่านกระบวนการที่ทำให้ซอฟต์แวร์สร้างซอฟต์แวร์อัตโนมัติขึ้นเอง ระบบอัตโนมัติจะสร้างระบบอัตโนมัติที่ทับซ้อนกันไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ งานหรือความเชี่ยวชาญในตลาดแรงงานจะต้องเปลี่ยนแปลง

“ผมบอกกับคุณเลยว่า เศรษฐีที่จะมีเงินล้านล้านเหรียญ จะเป็นคนที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ และรู้ทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แล้วนำมาประยุกต์ให้เกิดรูปแบบที่ไม่มีใครคาดคิดถึงมาก่อน” นายคิวบัน เจ้าของ Shark Tank กล่าวในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คอมพิวเตอร์โปรเซสเซอร์ที่ประมวลผลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งความสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ใหญ่ขึ้น เป็นพื้นฐานสำคัญของพัฒนาการด้านปัญญาประดิษฐ์ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ธุรกิจประกันภัย “เราจะได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในอีก 10 ปีข้างหน้า ว่ามีเหนือกว่าสิ่งที่เรามีใน 30 ปีที่ผ่านมา มันจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด” นายคิวบันกล่าว เขายกตัวอย่างกูเกิล ซึ่งเพิ่งจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ได้ไม่นานนี้ สามารถเพิ่มรายได้ $9,000 ล้าน ไม่ว่าเราจะเรียนอะไร ถ้าหากเราตามไม่ทันการเรียนรู้ระดับลึกลงไป (deep learning) หรือไม่รู้จักโครงข่ายประสาทเทียม เราจะเป็นผู้แพ้ เรากำลังจะผ่านกระบวนการที่ทำให้ซอฟต์แวร์สร้างซอฟต์แวร์อัตโนมัติขึ้นเอง ระบบอัตโนมัติจะสร้างระบบอัตโนมัติที่ทับซ้อนกันไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ งานหรือความเชี่ยวชาญในตลาดแรงงานจะต้องเปลี่ยนแปลง

Co-creation คือ การสร้างคุณค่าร่วมกันของบริษัทและลูกค้า ซึ่งเป็นการให้ลูกค้าร่วมสร้างประสบการณ์การบริการให้เหมาะสมกับพวกเขา ไม่ใช่การให้ลูกค้ามาเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการ แต่เป็นการร่วมกันดำเนินการสร้างคุณค่า ซึ่งนั่นรวมถึงธุรกิจจะต้องเปิดโอกาสและกระตุ้นให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างกัน สำนักข่าว Channel NewsAsia รายงานการสำรวจระบบนิเวศสตาร์ตอัพโลกและการจัดอันดับประจำปี ค.ศ. 2017 ของ สตาร์ตอัพจีโนม (Startup Genome) ซึ่งเป็นสถาบันระดับที่การรวบรวมข้อมูลและวิจัยเกี่ยวกับสตาร์ตอัพทั่วโลก พบว่าในหมวดคนเก่งสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญตัวหนึ่งในระบบนิเวศที่เป็นบวกต่อการเกิดและขยายตัวของธุรกิจใหม่ในแพลตฟอร์มสตาร์ตอัพนั้นเมืองสิงคโปร์ได้อันดับที่ 1 แซง ซิลลิคอน วัลเล่ย์ (Silicon Valley) ไปในการจัดอันดับประจำปีนี้ การเอาชนะซิลลิคอน วัลเล่ย์ ในดัชนีสำคัญเช่นนี้ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นเมืองสำคัญสำหรับสตาร์ตอัพ ที่โลกจะต้องจับตาและติดตามในอนาคตอันใกล้

Co-creation คือ การสร้างคุณค่าร่วมกันของบริษัทและลูกค้า ซึ่งเป็นการให้ลูกค้าร่วมสร้างประสบการณ์การบริการให้เหมาะสมกับพวกเขา ไม่ใช่การให้ลูกค้ามาเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการ แต่เป็นการร่วมกันดำเนินการสร้างคุณค่า ซึ่งนั่นรวมถึงธุรกิจจะต้องเปิดโอกาสและกระตุ้นให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างกัน สำนักข่าว Channel NewsAsia รายงานการสำรวจระบบนิเวศสตาร์ตอัพโลกและการจัดอันดับประจำปี ค.ศ. 2017 ของ สตาร์ตอัพจีโนม (Startup Genome) ซึ่งเป็นสถาบันระดับที่การรวบรวมข้อมูลและวิจัยเกี่ยวกับสตาร์ตอัพทั่วโลก พบว่าในหมวดคนเก่งสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญตัวหนึ่งในระบบนิเวศที่เป็นบวกต่อการเกิดและขยายตัวของธุรกิจใหม่ในแพลตฟอร์มสตาร์ตอัพนั้นเมืองสิงคโปร์ได้อันดับที่ 1 แซง ซิลลิคอน วัลเล่ย์ (Silicon Valley) ไปในการจัดอันดับประจำปีนี้ การเอาชนะซิลลิคอน วัลเล่ย์ ในดัชนีสำคัญเช่นนี้ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นเมืองสำคัญสำหรับสตาร์ตอัพ ที่โลกจะต้องจับตาและติดตามในอนาคตอันใกล้

มีคนอ้างว่าประวัติไม่ดีก็จ้องด่าตั้งแต่ก่อนชนะเลือกตั้งแล้ว แม้จะได้เป็นประธานาธิบดีแต่คนที่รังเกียจประวัติความเป็นมาก็จ้องจะด่า แต่ชาวอเมริกัน เริ่มจะหันไปนิยมทรัมป์มากยิ่งขึ้น ข้อแรก ทรัมป์ไม่รับเงินเดือน เขาบอกว่าเขามีเงินพอที่จะไม่กินเงินเดือนรัฐ ๒.ข่าวข้างล่างนี้ระบุว่าทรัมป์สามารถลดหนี้สาธารณะลงได้ถึง ๑๒ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในเดือนแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่บารัค โอบามาเพิ่มหนี้สินสาธารณะให้อเมริกาถึง ๒๐๐ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่ง ผมเขียนมาหลายครั้งแล้วว่าผมให้เวลา ๗ เดือนขึ้นไปครับ ถ้าทรัมป์สามารถควบคุมทุกอย่างได้ ไม่ถูกฆาตกรรมไปเสียก่อน เขาจะคุมเกมได้และเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น

มีคนอ้างว่าประวัติไม่ดีก็จ้องด่าตั้งแต่ก่อนชนะเลือกตั้งแล้ว แม้จะได้เป็นประธานาธิบดีแต่คนที่รังเกียจประวัติความเป็นมาก็จ้องจะด่า แต่ชาวอเมริกัน เริ่มจะหันไปนิยมทรัมป์มากยิ่งขึ้น ข้อแรก ทรัมป์ไม่รับเงินเดือน เขาบอกว่าเขามีเงินพอที่จะไม่กินเงินเดือนรัฐ ๒.ข่าวข้างล่างนี้ระบุว่าทรัมป์สามารถลดหนี้สาธารณะลงได้ถึง ๑๒ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในเดือนแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่บารัค โอบามาเพิ่มหนี้สินสาธารณะให้อเมริกาถึง ๒๐๐ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่ง ผมเขียนมาหลายครั้งแล้วว่าผมให้เวลา ๗ เดือนขึ้นไปครับ ถ้าทรัมป์สามารถควบคุมทุกอย่างได้ ไม่ถูกฆาตกรรมไปเสียก่อน เขาจะคุมเกมได้และเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น

เมื่อเร็วๆนี้ แวดวงการเงินระหว่างประเทศทางซีกโลกตะวันตก ได้เล็งเห็นวิกฤตทางการเงินที่ค่อยๆ ก่อตัวในเชิงของ “สงครามเย็น” หรือพูดง่ายๆ ก็คือการใช้เงินเป็นอาวุธในการทำลายล้างเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งวิธีนี้สามารถสร้างความย่อยยับได้มากกว่าการใช้อาวุธชีวภาพในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 อีกด้วย สงครามการเงินส่งผลให้หลายประเทศต้องปรับนโยบายเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด เพื่อให้พร้อมรับมือกับวิกฤตทางการเงินที่กำลังก่อตัวขึ้น เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ญี่ปุ่นปรับนโยบายทางการเงิน ตั้งเป้าจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ ที่ 0% เพื่อช่วยให้ต้นทุนกู้ยืมของภาคธุรกิจอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว ธนาคารกลางยุโรปขยายมาตรการ QE อีก 6 เดือน พร้อมลดดอกเบี้ยติดลบมากขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ออกแถลงการณ์ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ว่า คณะกรรมการฯ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น การปรับตัวเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุชี้ชัดว่าเกมการเงิน ของชาติตะวันตก ยุโรป สหรัฐและชาติตะวันออกอย่าง ญี่ปุ่น ได้นำไปแล้ว 1 แต้ม

เมื่อเร็วๆนี้ แวดวงการเงินระหว่างประเทศทางซีกโลกตะวันตก ได้เล็งเห็นวิกฤตทางการเงินที่ค่อยๆ ก่อตัวในเชิงของ “สงครามเย็น” หรือพูดง่ายๆ ก็คือการใช้เงินเป็นอาวุธในการทำลายล้างเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งวิธีนี้สามารถสร้างความย่อยยับได้มากกว่าการใช้อาวุธชีวภาพในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 อีกด้วย สงครามการเงินส่งผลให้หลายประเทศต้องปรับนโยบายเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด เพื่อให้พร้อมรับมือกับวิกฤตทางการเงินที่กำลังก่อตัวขึ้น เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ญี่ปุ่นปรับนโยบายทางการเงิน ตั้งเป้าจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ ที่ 0% เพื่อช่วยให้ต้นทุนกู้ยืมของภาคธุรกิจอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว ธนาคารกลางยุโรปขยายมาตรการ QE อีก 6 เดือน พร้อมลดดอกเบี้ยติดลบมากขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ออกแถลงการณ์ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ว่า คณะกรรมการฯ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น การปรับตัวเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุชี้ชัดว่าเกมการเงิน ของชาติตะวันตก ยุโรป สหรัฐและชาติตะวันออกอย่าง ญี่ปุ่น ได้นำไปแล้ว 1 แต้ม

“แบงค์ออฟอเมริกา” สำรวจความเห็นของผู้จัดการกองทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงแบบหางเลข (tail risks) ในเดือนกุมภาพันธ์ ปรากฏว่าผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่เป็นกังวลต่อการเลือกตั้งในทวีปยุโรปมากที่สุด เพราะอาจส่งผลให้สหภาพยุโรปล่มสลาย รองลงมาคือเรื่องสงครามการค้า และตลาดบอนด์อาจจะพัง ผู้จัดการกองทุน 175 คน ซึ่งบริหารกองทุนมูลค่ารวมทั้งสิ้น $543,000 ล้าน ร่วมกันตอบแบบสอบถามชุดนี้ ผลสรุปจากการตอบแบบสอบถามนั้น ปรากฏว่า 36% ของผู้จัดการกองทุนเห็นว่าการเลือกตั้งในยุโรป อาจทำให้สหภาพยุโรปล่มสลาย 32% เป็นห่วงเรื่องสงครามการค้า และอีก 13% เป็นกังวลว่าตลาดบอนด์อาจล่ม ผู้จัดการกองทุนน้อยกว่า 10% เป็นห่วงเรื่องการลดค่าเงินหยวนของจีน และความล่าช้าในแผนลดภาษีของทรัมป์

“แบงค์ออฟอเมริกา” สำรวจความเห็นของผู้จัดการกองทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงแบบหางเลข (tail risks) ในเดือนกุมภาพันธ์ ปรากฏว่าผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่เป็นกังวลต่อการเลือกตั้งในทวีปยุโรปมากที่สุด เพราะอาจส่งผลให้สหภาพยุโรปล่มสลาย รองลงมาคือเรื่องสงครามการค้า และตลาดบอนด์อาจจะพัง ผู้จัดการกองทุน 175 คน ซึ่งบริหารกองทุนมูลค่ารวมทั้งสิ้น $543,000 ล้าน ร่วมกันตอบแบบสอบถามชุดนี้ ผลสรุปจากการตอบแบบสอบถามนั้น ปรากฏว่า 36% ของผู้จัดการกองทุนเห็นว่าการเลือกตั้งในยุโรป อาจทำให้สหภาพยุโรปล่มสลาย 32% เป็นห่วงเรื่องสงครามการค้า และอีก 13% เป็นกังวลว่าตลาดบอนด์อาจล่ม ผู้จัดการกองทุนน้อยกว่า 10% เป็นห่วงเรื่องการลดค่าเงินหยวนของจีน และความล่าช้าในแผนลดภาษีของทรัมป์

สรุปดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 ม.ค.2560 -- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นมากเกินคาดในเดือนธ.ค. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,732.40 จุด ลดลง 72.32 จุด หรือ -0.37% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,540.08 จุด ลดลง 15.57 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,263.69 จุด ลดลง 8.20 จุด หรือ -0.36% -- ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลงเกือบ 0.1% ปิดที่ 362.85 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,841.14 จุด ลดลง 12.26 จุด หรือ -0.25% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,596.89 จุด ลดลง 2.50 จุด หรือ -0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,208.44 จุด ลดลง 39.17 จุด หรือ -0.54%

สรุปดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 ม.ค.2560 -- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นมากเกินคาดในเดือนธ.ค. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,732.40 จุด ลดลง 72.32 จุด หรือ -0.37% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,540.08 จุด ลดลง 15.57 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,263.69 จุด ลดลง 8.20 จุด หรือ -0.36% -- ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลงเกือบ 0.1% ปิดที่ 362.85 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,841.14 จุด ลดลง 12.26 จุด หรือ -0.25% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,596.89 จุด ลดลง 2.50 จุด หรือ -0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,208.44 จุด ลดลง 39.17 จุด หรือ -0.54%

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ จากความวิตกเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน และการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในปีนี้ ณ เวลา 22.23 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.27% สู่ระดับ 52.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาด NYMEX ของสหรัฐปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันกำลังเริ่มต้นขึ้น ซึ่งจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่จะส่งผลบวกต่อตลาด ขณะที่ราคาน้ำมันอาจไม่พุ่งขึ้นมากนักในไตรมาสแรกของปีนี้ นายคาหลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และกลุ่มนอกโอเปก ไม่มีแนวโน้มที่จะขยายข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเกินกว่า 6 เดือนที่มีการกำหนดไว้ โดยเฉพาะขณะที่ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี "เราไม่คิดว่าสิ่งนี้จะมีความจำเป็น เมื่อพิจารณาจากระดับความร่วมมือของประเทศสมาชิกในการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตในขณะนี้" นายฟาลีห์กล่าว

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ จากความวิตกเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน และการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในปีนี้ ณ เวลา 22.23 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.27% สู่ระดับ 52.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาด NYMEX ของสหรัฐปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันกำลังเริ่มต้นขึ้น ซึ่งจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่จะส่งผลบวกต่อตลาด ขณะที่ราคาน้ำมันอาจไม่พุ่งขึ้นมากนักในไตรมาสแรกของปีนี้ นายคาหลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และกลุ่มนอกโอเปก ไม่มีแนวโน้มที่จะขยายข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเกินกว่า 6 เดือนที่มีการกำหนดไว้ โดยเฉพาะขณะที่ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี "เราไม่คิดว่าสิ่งนี้จะมีความจำเป็น เมื่อพิจารณาจากระดับความร่วมมือของประเทศสมาชิกในการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตในขณะนี้" นายฟาลีห์กล่าว

ราคาทองคำได้ขยับสูงมาตั้งแต่ต้นปี เพราะมีนักลงทุนบางส่วนไม่ได้ตื่นเต้นตูมตามไปกับตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นสหรัฐฯที่สร้างสถิติใหม่เป็นรายวัน ทองคำเพิ่มมูลค่าขึ้นประมาณ 7.5% ในขณะที่ตลาดหุ้น เอส&พี 500 เพิ่มขึ้นเพียง 5% บล็อกเกอร์จาก The Big Breakout บอกว่า หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ราคาทองเริ่มไต่กลับไปสู่ระดับที่สมเหตุสมผล ส่วนเงิน (silver) นั้นนำหน้าไปก่อนแล้ว เมื่อวันศุกร์ ราคาทองคำสปอตเทรดที่ระดับ $1,237 ต่อออนซ์ “ตราบเท่าที่ราคาทองอยู่เหนือ $1,200 ให้ซื้อได้เลย เมื่อราคาทองสูงกว่า $1,300 มันจะเคลื่อนต่อไปที่ $1,600” บล็อกเกอร์จาก The Big Breakout ชี้ไว้ในรายงาน

ราคาทองคำได้ขยับสูงมาตั้งแต่ต้นปี เพราะมีนักลงทุนบางส่วนไม่ได้ตื่นเต้นตูมตามไปกับตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นสหรัฐฯที่สร้างสถิติใหม่เป็นรายวัน ทองคำเพิ่มมูลค่าขึ้นประมาณ 7.5% ในขณะที่ตลาดหุ้น เอส&พี 500 เพิ่มขึ้นเพียง 5% บล็อกเกอร์จาก The Big Breakout บอกว่า หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ราคาทองเริ่มไต่กลับไปสู่ระดับที่สมเหตุสมผล ส่วนเงิน (silver) นั้นนำหน้าไปก่อนแล้ว เมื่อวันศุกร์ ราคาทองคำสปอตเทรดที่ระดับ $1,237 ต่อออนซ์ “ตราบเท่าที่ราคาทองอยู่เหนือ $1,200 ให้ซื้อได้เลย เมื่อราคาทองสูงกว่า $1,300 มันจะเคลื่อนต่อไปที่ $1,600” บล็อกเกอร์จาก The Big Breakout ชี้ไว้ในรายงาน

รัสเซียพยายามจะขุดหลุมทองคำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศที่ Sukhoi Log, ในเขต Irkutsk เพื่อว่าจะสะสมทองคำมากที่สุด หลังจากปี 2014 ที่ "รัสเซีย" รู้ว่า จะมีแผนการจะโค่นล้ม "ปูติน" จากฝ่ายตะวันตก รัสเซียเลยมีแผนการซื้อทองคำเก็บไว้ในธนาคารกลางจนกลายเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ของโลกเหมือนกับ "จีน" เพราะรู้ว่าศัตรูคือ "ดอลล่าร์" ที่ไม่มีทองคำค้ำประกัน จนต้องจะขุดหลุดทองคำขนาดใหญ่ดังกล่าว เพื่อเอาไว้คุ้มครองเงินตัวเองไม่ให้ไหวเอนได้ง่ายๆ

รัสเซียพยายามจะขุดหลุมทองคำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศที่ Sukhoi Log, ในเขต Irkutsk เพื่อว่าจะสะสมทองคำมากที่สุด หลังจากปี 2014 ที่ "รัสเซีย" รู้ว่า จะมีแผนการจะโค่นล้ม "ปูติน" จากฝ่ายตะวันตก รัสเซียเลยมีแผนการซื้อทองคำเก็บไว้ในธนาคารกลางจนกลายเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ของโลกเหมือนกับ "จีน" เพราะรู้ว่าศัตรูคือ "ดอลล่าร์" ที่ไม่มีทองคำค้ำประกัน จนต้องจะขุดหลุดทองคำขนาดใหญ่ดังกล่าว เพื่อเอาไว้คุ้มครองเงินตัวเองไม่ให้ไหวเอนได้ง่ายๆ

หลายคนอาจจะพบเจอปัญหาเดียวกับผม ในตอนแรกที่เริ่มเทรดไม่มีคนเห็นด้วยเลย…. แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง หลังมีผลลัพธ์ที่ดี คนที่เคยด่า จะกลับมา ขอคำแนะนำ อย่ารีบ ท้อ อย่ารีบ ล้มเลิก เราจะถึงเส้นชัยครับ

หลายคนอาจจะพบเจอปัญหาเดียวกับผม ในตอนแรกที่เริ่มเทรดไม่มีคนเห็นด้วยเลย…. แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง หลังมีผลลัพธ์ที่ดี คนที่เคยด่า จะกลับมา ขอคำแนะนำ อย่ารีบ ท้อ อย่ารีบ ล้มเลิก เราจะถึงเส้นชัยครับ

เมื่อเทรดได้ถึงเป้าหมายแล้ว เราควร หยุดพัก และ ให้รางวัลตัวเอง บ่อยครั้งที่เรา เทรดแล้วไม่หยุด เราอาจะะเสียทั้งทุนและ กำไร เทรดอย่างมีความสุขกันทุกคนครับ

เมื่อเทรดได้ถึงเป้าหมายแล้ว เราควร หยุดพัก และ ให้รางวัลตัวเอง บ่อยครั้งที่เรา เทรดแล้วไม่หยุด เราอาจะะเสียทั้งทุนและ กำไร เทรดอย่างมีความสุขกันทุกคนครับ

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในตลาดเอเชียวันนี้ หลังทรัมป์เพิ่มความเข้มงวดคว่ำบาตรน้ำมันและการขนส่งของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในแนวโน้มขาดทุนรายสัปดาห์เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน และความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงเพิ่มขึ้น น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดเดือนพฤษภาคม ปรับตัวขึ้น 0.4% มาเป็น 70.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08:25 น. (GMT+7) ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ปรับตัวขึ้น 0.5% มาเป็น 66.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามทั้งสองสัญญามีแนวโน้มลดลง0.3%ในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ คว่ำบาตรรัฐมนตรีน้ำมันอิหร่านและ ’กองเรือเงา’ รัฐบาลทรัมป์ได้เพิ่มความเข้มงวดของแคมเปญ "กดดันสูงสุด" ต่ออิหร่านเมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยการคว่ำบาตรโมห์เซน ปัคเนจาด รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่าน และกำหนดมาตรการกับหน่วยงานและเรือที่เกี่ยวข้องกับ "กองเรือเงา" ของอิหร่าน ซึ่งใช้ในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศมาตรการดังกล่าว โดยกล่าวว่าอิหร่านนั้นใช้เครือข่ายที่ซับซ้อนของเรือบรรทุกน้ำมันและบริษัทขนส่งที่กระจายอยู่ในหลายประเทศ เพื่อนำเข้าน้ำมันไปยังตลาดโลก OFAC ระบุว่า อิหร่านใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การปลอมแปลงเอกสาร การบิดเบือนระบบติดตามเรือ และการเปลี่ยนชื่อและธงของเรือบ่อยครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อขัดขวางความสามารถของอิหร่านในการหาเงินทุนสำหรับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงจากการส่งออกน้ำมัน และยืนยันความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการป้องกันไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์จะออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ IEA คาดการณ์ตลาดน้ำมันอาจเผชิญภาวะอุปทานล้นตลาดในปี 2025 นักลงทุนกำลังประเมินศักยภาพของตลาดน้ำมันที่อาจเผชิญภาวะอุปทานล้น โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ สหรัฐฯ ได้เริ่มการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับภูมิภาคและรับประกันว่าการจัดหาพลังงานจะไม่ถูกขัดขวาง หากการหยุดยิงประสบความสำเร็จ อาจนำไปสู่การส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากภูมิภาคนี้ ซึ่งจะส่งผลต่ออุปทานน้ำมันโลก ขณะเดียวกัน สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกอาจสูงกว่าความต้องการในปี 2025 เนื่องจากมีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์ลง “สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของเรามีแนวโน้มแย่ลงในเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และหลายประเทศเพิ่มสูงขึ้น” IEA ระบุในรายงานประจำเดือน นอกจากนี้ สมาชิก OPEC+ ซึ่งรวมถึงซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย อิรัก คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอลจีเรีย คาซัคสถาน และโอมาน วางแผนที่จะทยอยลดมาตรการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 OPEC+ ระบุเมื่อวันพุธว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มเพิ่มขึ้น 363,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 41.01 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์ ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.investing.com/news/commodities-news/article-322451

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในตลาดเอเชียวันนี้ หลังทรัมป์เพิ่มความเข้มงวดคว่ำบาตรน้ำมันและการขนส่งของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในแนวโน้มขาดทุนรายสัปดาห์เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน และความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงเพิ่มขึ้น น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดเดือนพฤษภาคม ปรับตัวขึ้น 0.4% มาเป็น 70.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08:25 น. (GMT+7) ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ปรับตัวขึ้น 0.5% มาเป็น 66.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามทั้งสองสัญญามีแนวโน้มลดลง0.3%ในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ คว่ำบาตรรัฐมนตรีน้ำมันอิหร่านและ ’กองเรือเงา’ รัฐบาลทรัมป์ได้เพิ่มความเข้มงวดของแคมเปญ "กดดันสูงสุด" ต่ออิหร่านเมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยการคว่ำบาตรโมห์เซน ปัคเนจาด รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่าน และกำหนดมาตรการกับหน่วยงานและเรือที่เกี่ยวข้องกับ "กองเรือเงา" ของอิหร่าน ซึ่งใช้ในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศมาตรการดังกล่าว โดยกล่าวว่าอิหร่านนั้นใช้เครือข่ายที่ซับซ้อนของเรือบรรทุกน้ำมันและบริษัทขนส่งที่กระจายอยู่ในหลายประเทศ เพื่อนำเข้าน้ำมันไปยังตลาดโลก OFAC ระบุว่า อิหร่านใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การปลอมแปลงเอกสาร การบิดเบือนระบบติดตามเรือ และการเปลี่ยนชื่อและธงของเรือบ่อยครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อขัดขวางความสามารถของอิหร่านในการหาเงินทุนสำหรับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงจากการส่งออกน้ำมัน และยืนยันความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการป้องกันไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์จะออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ IEA คาดการณ์ตลาดน้ำมันอาจเผชิญภาวะอุปทานล้นตลาดในปี 2025 นักลงทุนกำลังประเมินศักยภาพของตลาดน้ำมันที่อาจเผชิญภาวะอุปทานล้น โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ สหรัฐฯ ได้เริ่มการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับภูมิภาคและรับประกันว่าการจัดหาพลังงานจะไม่ถูกขัดขวาง หากการหยุดยิงประสบความสำเร็จ อาจนำไปสู่การส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากภูมิภาคนี้ ซึ่งจะส่งผลต่ออุปทานน้ำมันโลก ขณะเดียวกัน สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกอาจสูงกว่าความต้องการในปี 2025 เนื่องจากมีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์ลง “สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของเรามีแนวโน้มแย่ลงในเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และหลายประเทศเพิ่มสูงขึ้น” IEA ระบุในรายงานประจำเดือน นอกจากนี้ สมาชิก OPEC+ ซึ่งรวมถึงซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย อิรัก คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอลจีเรีย คาซัคสถาน และโอมาน วางแผนที่จะทยอยลดมาตรการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 OPEC+ ระบุเมื่อวันพุธว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มเพิ่มขึ้น 363,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 41.01 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์ ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.investing.com/news/commodities-news/article-322451

รายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ประจำธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น อันเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นทางการคลังของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจผลักดันให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่รวดเร็วขึ้น รายงานการประชุมระบุว่า "กรรมการกำหนดนโยบายราวกึ่งหนึ่งคาดว่าจะมีการใช้นโยบายด้านการคลังมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางขาขึ้น" ในการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75%

รายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ประจำธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น อันเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นทางการคลังของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจผลักดันให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่รวดเร็วขึ้น รายงานการประชุมระบุว่า "กรรมการกำหนดนโยบายราวกึ่งหนึ่งคาดว่าจะมีการใช้นโยบายด้านการคลังมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางขาขึ้น" ในการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75%

ทางการรัสเซียเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้กล่องดำหนึ่งในสองกล่องของเครื่องบิน TU-154 ของกองทัพอากาศรัสเซียที่ประสบอุบัติเหตุตกที่ทะเลดำ จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารทั้ง 92 คนเสียชีวิตทั้งหมด เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว หลังทางการรัสเซียได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 คนเข้าร่วมในปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตและซากเครื่องบิน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้ การค้นพบกล่องดำของเครื่องบินมีขึ้นหลังจากที่เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ค้นพบชิ้นส่วนบางชิ้นของเครื่องบิน จึงได้เร่งค้นหาซากชิ้นส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม ผู้โดยสารของเครื่องบินลำนี้คือนักแสดงจากกองทัพรัสเซียที่จะไปแสดงเพื่อให้กำลังใจทหารรัสเซียในซีเรีย รวมถึงผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่จากกองทัพ โดยเครื่องบินได้หายไปจากจอเรดาห์หลังแวะเติมน้ำมันและขึ้นบินจากสนามบินในเมืองโซชิเพียง 2 นาทีเท่านั้น

ทางการรัสเซียเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้กล่องดำหนึ่งในสองกล่องของเครื่องบิน TU-154 ของกองทัพอากาศรัสเซียที่ประสบอุบัติเหตุตกที่ทะเลดำ จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารทั้ง 92 คนเสียชีวิตทั้งหมด เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว หลังทางการรัสเซียได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 คนเข้าร่วมในปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตและซากเครื่องบิน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้ การค้นพบกล่องดำของเครื่องบินมีขึ้นหลังจากที่เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ค้นพบชิ้นส่วนบางชิ้นของเครื่องบิน จึงได้เร่งค้นหาซากชิ้นส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม ผู้โดยสารของเครื่องบินลำนี้คือนักแสดงจากกองทัพรัสเซียที่จะไปแสดงเพื่อให้กำลังใจทหารรัสเซียในซีเรีย รวมถึงผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่จากกองทัพ โดยเครื่องบินได้หายไปจากจอเรดาห์หลังแวะเติมน้ำมันและขึ้นบินจากสนามบินในเมืองโซชิเพียง 2 นาทีเท่านั้น

20 รัฐของสหรัฐและบริติช โคลัมเบีย เตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแรงงานกว่า 4 ล้านคนทั่วประเทศ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า บริติชโคลัมเบียจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1 ดอลลาร์ เป็น 12.5 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นอัตราสูงสุดในประเทศ ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 50 เซนต์ เป็น 10.5 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ด้านรัฐแอริโซนาจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1.95 ดอลลาร์ เป็น 10 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดา 20 รัฐ ทั้งนี้ แรงงานราว 4.4 ล้านคนทั่วประเทศจะได้รับอานิสงส์จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ เพราะปัจจุบันแรงงานเหล่านี้ได้ค่าแรงต่ำกว่าอัตราที่เพิ่งประกาศใหม่

20 รัฐของสหรัฐและบริติช โคลัมเบีย เตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแรงงานกว่า 4 ล้านคนทั่วประเทศ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า บริติชโคลัมเบียจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1 ดอลลาร์ เป็น 12.5 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นอัตราสูงสุดในประเทศ ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 50 เซนต์ เป็น 10.5 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ด้านรัฐแอริโซนาจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1.95 ดอลลาร์ เป็น 10 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดา 20 รัฐ ทั้งนี้ แรงงานราว 4.4 ล้านคนทั่วประเทศจะได้รับอานิสงส์จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ เพราะปัจจุบันแรงงานเหล่านี้ได้ค่าแรงต่ำกว่าอัตราที่เพิ่งประกาศใหม่

มาร์เก็ตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันในวันพฤหัสบดี (22 ธ.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ก่อความหวังทางอุปสงค์ ผิดกับวอลล์สตรีทที่ปิดลบตามแรงฉุดของกลุ่มค้าปลีก เช่นเดียวกับทองคำปรับลด 2.50 ดอลลาร์ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 46 เซ็นต์ ปิดที่ 52.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 59 เซ็นต์ ปิดที่ 55.05 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์บอกว่ารายงานอันแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯ และอุปทานก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเกินคาดหมาย กระพือความเป็นไปได้ที่อุปสงค์ภายในจะฟื้นตัวขึ้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพฤหัสบดี (22 ธ.ค.) ว่า เศรษฐกิของประเทศในช่วงไตรมาส 3 ขยายตัว 3.5 เปอร์เซ็นต์ เหนือกว่าที่เคยประมาณการไว้ที่ 3.2 เปอร์เซ็นต์ จากแรงขับเคลื่อนของการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนภาคธุรกิจ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (22 ธ.ค.) ปรับลดเล็กน้อย ถูกฉุดจากกลุ่มค้าปลีก ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ขายทำกำไร หลังจากวอลล์สตรีททะยานขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอเมริกา

มาร์เก็ตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันในวันพฤหัสบดี (22 ธ.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ก่อความหวังทางอุปสงค์ ผิดกับวอลล์สตรีทที่ปิดลบตามแรงฉุดของกลุ่มค้าปลีก เช่นเดียวกับทองคำปรับลด 2.50 ดอลลาร์ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 46 เซ็นต์ ปิดที่ 52.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 59 เซ็นต์ ปิดที่ 55.05 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์บอกว่ารายงานอันแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯ และอุปทานก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเกินคาดหมาย กระพือความเป็นไปได้ที่อุปสงค์ภายในจะฟื้นตัวขึ้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพฤหัสบดี (22 ธ.ค.) ว่า เศรษฐกิของประเทศในช่วงไตรมาส 3 ขยายตัว 3.5 เปอร์เซ็นต์ เหนือกว่าที่เคยประมาณการไว้ที่ 3.2 เปอร์เซ็นต์ จากแรงขับเคลื่อนของการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนภาคธุรกิจ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (22 ธ.ค.) ปรับลดเล็กน้อย ถูกฉุดจากกลุ่มค้าปลีก ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ขายทำกำไร หลังจากวอลล์สตรีททะยานขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอเมริกา