ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.90 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 2,887.60 ดอลลาร์/ออนซ์ “ปัจจัยหลักที่ตลาดทองคำให้ความสนใจยังคงเป็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของทรัมป์” เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะมีค่าที่ไฮ ริดจ์ ฟิวเจอร์ส (High Ridge Futures) กล่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เริ่มต้นสงครามการค้าในสัปดาห์นี้ ด้วยการทำตามคำขู่ในการเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่จากจีน แต่ได้เลื่อนเวลาเก็บภาษีเม็กซิโกและแคนาดาออกไป 1 เดือน ทองคำมักถูกใช้เป็นสินทรัพย์การลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเงิน ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธานและนักกลยุทธ์อาวุโสด้านโลหะมีค่าที่ซาเนอร์ เมทัลส์ (Zaner Metals) กล่าวว่า ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนเพิ่มปริมาณทองคำสำรองอย่างต่อเนื่อง และโครงการใหม่ของจีนที่อนุญาตให้กองทุนประกันภัยสามารถลงทุนในทองคำได้

ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.90 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 2,887.60 ดอลลาร์/ออนซ์ “ปัจจัยหลักที่ตลาดทองคำให้ความสนใจยังคงเป็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของทรัมป์” เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะมีค่าที่ไฮ ริดจ์ ฟิวเจอร์ส (High Ridge Futures) กล่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เริ่มต้นสงครามการค้าในสัปดาห์นี้ ด้วยการทำตามคำขู่ในการเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่จากจีน แต่ได้เลื่อนเวลาเก็บภาษีเม็กซิโกและแคนาดาออกไป 1 เดือน ทองคำมักถูกใช้เป็นสินทรัพย์การลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเงิน ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธานและนักกลยุทธ์อาวุโสด้านโลหะมีค่าที่ซาเนอร์ เมทัลส์ (Zaner Metals) กล่าวว่า ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนเพิ่มปริมาณทองคำสำรองอย่างต่อเนื่อง และโครงการใหม่ของจีนที่อนุญาตให้กองทุนประกันภัยสามารถลงทุนในทองคำได้

ฮั่วเซ่งเฮงเผยทองแท่งทำ All-time High ต่อเนื่อง เช้านี้ปรับขึ้นอีก 50 บาท ชี้มีโอกาสได้เห็น 46,000 บาท เป็นแนวต้านถัดไป ฮั่วเซ่งเฮง รายงานว่าราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวขึ้นทำ All-time High ต่อเนื่อง ขณะที่ Gold spot ปิดตลาดวานนี้ (6 ก.พ.) ปรับตัวลงเล็กน้อย ค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้น เคลื่อนไหวบริเวณ 33.76 บาท หนุนราคาทองคำแท่งในประเทศเปิดตลาดเช้านี้ (7 ก.พ.) ที่ระดับ 45,700 บาท และอาจมีโอกาสได้เห็น 46,000 บาท ซึ่งเป็นแนวต้านถัดไป โดยทองคำมีแรงเทขายทำกำไรออกมา หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงหลายวันติดต่อกัน แม้สกุลเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลง หลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 219,000 ราย และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ฮั่วเซ่งเฮงเผยทองแท่งทำ All-time High ต่อเนื่อง เช้านี้ปรับขึ้นอีก 50 บาท ชี้มีโอกาสได้เห็น 46,000 บาท เป็นแนวต้านถัดไป ฮั่วเซ่งเฮง รายงานว่าราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวขึ้นทำ All-time High ต่อเนื่อง ขณะที่ Gold spot ปิดตลาดวานนี้ (6 ก.พ.) ปรับตัวลงเล็กน้อย ค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้น เคลื่อนไหวบริเวณ 33.76 บาท หนุนราคาทองคำแท่งในประเทศเปิดตลาดเช้านี้ (7 ก.พ.) ที่ระดับ 45,700 บาท และอาจมีโอกาสได้เห็น 46,000 บาท ซึ่งเป็นแนวต้านถัดไป โดยทองคำมีแรงเทขายทำกำไรออกมา หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงหลายวันติดต่อกัน แม้สกุลเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลง หลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 219,000 ราย และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

เดือนกุมภาพันธ์เริ่มต้นในทิศทางที่ไม่ดี แม้ว่าตามประวัติศาสตร์จะเป็นเดือนที่ดีมากสำหรับ Bitcoin ในครั้งนี้ โดยราคาคริปโตเคอร์เรนซีดิ่งลงกว่า $15,000 ภายในไม่กี่วัน แม้ว่าสินทรัพย์ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากการขาดทุนส่วนใหญ่ตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม แต่มุมมองโดยรวมยังคงเป็นบวกในหลายด้าน ความกลัวเป็นเรื่องดี การร่วงครั้งที่กล่าวถึงทำให้ Bitcoin ลดลงอย่างหนัก โดยราคาอยู่ที่เหนือ $106,000 เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ก่อนที่จะร่วงลงสู่ระดับ $91,000 ซึ่งเกิดจากข่าวภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในทิศทางใดก็ตามมักส่งผลต่อความรู้สึกของตลาดโดยรวม และการปรับฐานครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง อาลี มาร์ติเนซ แชร์กราฟที่แสดงให้เห็นว่าฝูงชนมีมุมมองเชิงลบต่อ BTC นอกจากนี้ ดัชนีความกลัวและความโลภก็เปลี่ยนจาก ‘ความโลภ’ เป็น ‘ความกลัว’ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอย่างนี้อาจเป็นพรที่แฝงมาสำหรับสินทรัพย์คริปโตที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจาก “โอกาสในการซื้อที่ดีที่สุดมักมาเมื่อความรู้สึกของฝูงชนต่อ Bitcoin เป็นลบ” มาร์ติเนซกล่าว

เดือนกุมภาพันธ์เริ่มต้นในทิศทางที่ไม่ดี แม้ว่าตามประวัติศาสตร์จะเป็นเดือนที่ดีมากสำหรับ Bitcoin ในครั้งนี้ โดยราคาคริปโตเคอร์เรนซีดิ่งลงกว่า $15,000 ภายในไม่กี่วัน แม้ว่าสินทรัพย์ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากการขาดทุนส่วนใหญ่ตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม แต่มุมมองโดยรวมยังคงเป็นบวกในหลายด้าน ความกลัวเป็นเรื่องดี การร่วงครั้งที่กล่าวถึงทำให้ Bitcoin ลดลงอย่างหนัก โดยราคาอยู่ที่เหนือ $106,000 เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ก่อนที่จะร่วงลงสู่ระดับ $91,000 ซึ่งเกิดจากข่าวภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในทิศทางใดก็ตามมักส่งผลต่อความรู้สึกของตลาดโดยรวม และการปรับฐานครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง อาลี มาร์ติเนซ แชร์กราฟที่แสดงให้เห็นว่าฝูงชนมีมุมมองเชิงลบต่อ BTC นอกจากนี้ ดัชนีความกลัวและความโลภก็เปลี่ยนจาก ‘ความโลภ’ เป็น ‘ความกลัว’ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอย่างนี้อาจเป็นพรที่แฝงมาสำหรับสินทรัพย์คริปโตที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจาก “โอกาสในการซื้อที่ดีที่สุดมักมาเมื่อความรู้สึกของฝูงชนต่อ Bitcoin เป็นลบ” มาร์ติเนซกล่าว

นักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ไม่มีแผนเทรดคริปโตหรือเหรียญดิจิทัลในปีนี้ ตามผลสำรวจของ JPMorgan ที่จัดทำในเดือนมกราคม โดยผลสำรวจพบว่า 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าไม่มีแผนซื้อขายคริปโตในปี 2025 แม้ว่าตัวเลขนี้จะลดลงจาก 78% ในปี 2024 ก็ตาม อย่างไรก็ตาม 16% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาวางแผนจะซื้อขายคริปโตในปีนี้ และ 13% ระบุว่าพวกเขาได้เริ่มเทรดแล้ว ซึ่งทั้งสองตัวเลขสูงกว่าปี 2024 ในขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 100% ระบุว่ามีแผนเพิ่มกิจกรรมการซื้อขายออนไลน์หรือ e-Trading โดยเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ แม้ว่าความสนใจในการซื้อขายคริปโตยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ กำลังดีขึ้น หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน่วยงานกำกับดูแลภายใต้รัฐบาลทรัมป์ “ข่าวล่าสุดชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่สนับสนุนตลาดคริปโต และการเปลี่ยนแปลงล่าสุดช่วยลดอุปสรรคสำหรับธนาคารแบบดั้งเดิมในการเข้าสู่ตลาดนี้” Eddie Wen หัวหน้าฝ่ายตลาดดิจิทัลระดับโลกของ JPMorgan กล่าวกับ Bloomberg

นักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ไม่มีแผนเทรดคริปโตหรือเหรียญดิจิทัลในปีนี้ ตามผลสำรวจของ JPMorgan ที่จัดทำในเดือนมกราคม โดยผลสำรวจพบว่า 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าไม่มีแผนซื้อขายคริปโตในปี 2025 แม้ว่าตัวเลขนี้จะลดลงจาก 78% ในปี 2024 ก็ตาม อย่างไรก็ตาม 16% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาวางแผนจะซื้อขายคริปโตในปีนี้ และ 13% ระบุว่าพวกเขาได้เริ่มเทรดแล้ว ซึ่งทั้งสองตัวเลขสูงกว่าปี 2024 ในขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 100% ระบุว่ามีแผนเพิ่มกิจกรรมการซื้อขายออนไลน์หรือ e-Trading โดยเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ แม้ว่าความสนใจในการซื้อขายคริปโตยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ กำลังดีขึ้น หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน่วยงานกำกับดูแลภายใต้รัฐบาลทรัมป์ “ข่าวล่าสุดชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่สนับสนุนตลาดคริปโต และการเปลี่ยนแปลงล่าสุดช่วยลดอุปสรรคสำหรับธนาคารแบบดั้งเดิมในการเข้าสู่ตลาดนี้” Eddie Wen หัวหน้าฝ่ายตลาดดิจิทัลระดับโลกของ JPMorgan กล่าวกับ Bloomberg

ผู้ร่วมก่อตั้ง Strategy ไมเคิล เซย์เลอร์ โพสต์กราฟ Bitcoin ที่ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีมักจะโพสต์ในวันอาทิตย์ บ่งชี้ถึงการซื้อ Bitcoin ครั้งใหม่ในวันถัดไป หลังจากหยุดซื้อไปหนึ่งสัปดาห์ “ลาก่อนเส้นสีน้ำเงิน จงเจริญจุดสีเขียว” ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีเขียนถึงผู้ติดตาม 4.1 ล้านคนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ตามข้อมูลจาก SaylorTracker ปัจจุบัน Strategy ถือครอง BTC จำนวน 471,107 เหรียญ มูลค่าประมาณ 45.3 พันล้านดอลลาร์ หลังจากการซื้อครั้งล่าสุด 10,107 BTC เมื่อวันที่ 27 มกราคม บริษัทยังคงมุ่งเน้นการซื้อ BTC สำหรับกลยุทธ์คลังสินทรัพย์ขององค์กร ท่ามกลางการปรับแบรนด์ใหม่และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในแนวข้าง CEO ของ Strategy Phong Le เปิดเผยคำแถลงการณ์พร้อมกับการประกาศปรับแบรนด์: “Strategy กำลังสร้างนวัตกรรมในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลกที่สุดสองอย่างของศตวรรษที่ 21 Bitcoin และปัญญาประดิษฐ์ ชื่อใหม่ของเราสื่อถึงความเป็นสากลและการเข้าถึงทั่วโลกของบริษัทอย่างทรงพลังและเรียบง่าย” บริษัทยังจัดการประชุมรายงานผลประกอบการในวันเดียวกับที่ประกาศปรับแบรนด์ เพื่อหารือเกี่ยวกับผลประกอบการทางการเงินไตรมาส 4 ปี 2024

ผู้ร่วมก่อตั้ง Strategy ไมเคิล เซย์เลอร์ โพสต์กราฟ Bitcoin ที่ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีมักจะโพสต์ในวันอาทิตย์ บ่งชี้ถึงการซื้อ Bitcoin ครั้งใหม่ในวันถัดไป หลังจากหยุดซื้อไปหนึ่งสัปดาห์ “ลาก่อนเส้นสีน้ำเงิน จงเจริญจุดสีเขียว” ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีเขียนถึงผู้ติดตาม 4.1 ล้านคนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ตามข้อมูลจาก SaylorTracker ปัจจุบัน Strategy ถือครอง BTC จำนวน 471,107 เหรียญ มูลค่าประมาณ 45.3 พันล้านดอลลาร์ หลังจากการซื้อครั้งล่าสุด 10,107 BTC เมื่อวันที่ 27 มกราคม บริษัทยังคงมุ่งเน้นการซื้อ BTC สำหรับกลยุทธ์คลังสินทรัพย์ขององค์กร ท่ามกลางการปรับแบรนด์ใหม่และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในแนวข้าง CEO ของ Strategy Phong Le เปิดเผยคำแถลงการณ์พร้อมกับการประกาศปรับแบรนด์: “Strategy กำลังสร้างนวัตกรรมในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลกที่สุดสองอย่างของศตวรรษที่ 21 Bitcoin และปัญญาประดิษฐ์ ชื่อใหม่ของเราสื่อถึงความเป็นสากลและการเข้าถึงทั่วโลกของบริษัทอย่างทรงพลังและเรียบง่าย” บริษัทยังจัดการประชุมรายงานผลประกอบการในวันเดียวกับที่ประกาศปรับแบรนด์ เพื่อหารือเกี่ยวกับผลประกอบการทางการเงินไตรมาส 4 ปี 2024

นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต (STECH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโตจากปีก่อน 5-8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 700 ล้านบาท และแผนเข้าประมูลงานใหม่จากภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะเดินหน้าลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขยายฐานลูกค้าสู่ภาคใต้ หนุนการเติบโต ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา STECH ได้เข้าลงทุนใน บริษัท วังคอนกรีต จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตประเภทเสาเข็มและแผ่นพื้น เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทฯ ยังไม่มีโรงงาน การลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานจากโครงการขนาดใหญ่ในภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อรายได้ในปีนี้

นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต (STECH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโตจากปีก่อน 5-8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 700 ล้านบาท และแผนเข้าประมูลงานใหม่จากภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะเดินหน้าลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขยายฐานลูกค้าสู่ภาคใต้ หนุนการเติบโต ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา STECH ได้เข้าลงทุนใน บริษัท วังคอนกรีต จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตประเภทเสาเข็มและแผ่นพื้น เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทฯ ยังไม่มีโรงงาน การลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานจากโครงการขนาดใหญ่ในภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อรายได้ในปีนี้

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ประกาศเลื่อนกำหนดเวลาตัดสินใจอีกครั้งเกี่ยวกับการอนุญาตให้ตลาดหลักทรัพย์ Cboe Exchange เปิดให้ซื้อขายออปชันที่อ้างอิงกับกองทุน Ether ETF หรือไม่ โดยตามเอกสารกำกับดูแลที่ออกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ SEC ให้เวลาตัวเองจนถึงเดือนพฤษภาคม 2025 เพื่อตัดสินใจว่าจะอนุมัติหรือปฏิเสธการซื้อขายออปชันบน Ether ETF ในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ Cboe ยื่นขอเปิดตลาดออปชัน Ether ETF ตั้งแต่ปี 2024 ตลาดหลักทรัพย์ Cboe ได้ยื่นคำขอเพื่อจดทะเบียนออปชันบนกองทุน Fidelity Ethereum Fund (FETH) ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 โดยก่อนหน้านี้ SEC ได้ขอขยายเวลาตัดสินใจครั้งแรกในเดือนตุลาคม และล่าสุดได้เลื่อนกำหนดตัดสินใจออกไปถึงเดือนพฤษภาคม 2025 FETH ถือเป็นหนึ่งในกองทุน Ether ETF ที่ได้รับความนิยมสูง โดยมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก VettaFi

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ประกาศเลื่อนกำหนดเวลาตัดสินใจอีกครั้งเกี่ยวกับการอนุญาตให้ตลาดหลักทรัพย์ Cboe Exchange เปิดให้ซื้อขายออปชันที่อ้างอิงกับกองทุน Ether ETF หรือไม่ โดยตามเอกสารกำกับดูแลที่ออกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ SEC ให้เวลาตัวเองจนถึงเดือนพฤษภาคม 2025 เพื่อตัดสินใจว่าจะอนุมัติหรือปฏิเสธการซื้อขายออปชันบน Ether ETF ในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ Cboe ยื่นขอเปิดตลาดออปชัน Ether ETF ตั้งแต่ปี 2024 ตลาดหลักทรัพย์ Cboe ได้ยื่นคำขอเพื่อจดทะเบียนออปชันบนกองทุน Fidelity Ethereum Fund (FETH) ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 โดยก่อนหน้านี้ SEC ได้ขอขยายเวลาตัดสินใจครั้งแรกในเดือนตุลาคม และล่าสุดได้เลื่อนกำหนดตัดสินใจออกไปถึงเดือนพฤษภาคม 2025 FETH ถือเป็นหนึ่งในกองทุน Ether ETF ที่ได้รับความนิยมสูง โดยมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก VettaFi

รายงานราคาทองคำประจำวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568 โดยสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.04 น. ระบุว่าราคาทองคำในประเทศเปิดตลาดไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันจันทร์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ราคาซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณ (ชนิด 96.5%) ประจำวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568 (ประกาศครั้งที่ 1) ทองคำแท่ง: ขายออกที่บาทละ 46,450 บาท รับซื้อที่บาทละ 46,350 บาท ทองรูปพรรณ: ขายออกที่บาทละ 47,250 บาท ฐานภาษีที่บาทละ 47,510.32 บาท

รายงานราคาทองคำประจำวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568 โดยสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.04 น. ระบุว่าราคาทองคำในประเทศเปิดตลาดไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันจันทร์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ราคาซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณ (ชนิด 96.5%) ประจำวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568 (ประกาศครั้งที่ 1) ทองคำแท่ง: ขายออกที่บาทละ 46,450 บาท รับซื้อที่บาทละ 46,350 บาท ทองรูปพรรณ: ขายออกที่บาทละ 47,250 บาท ฐานภาษีที่บาทละ 47,510.32 บาท

รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 5 มีนาคม 2568 เปิดตลาดครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.01 น. ปรับตัวลดลง 200 บาท มาอยู่ที่ 46,450 บาท เมื่อเทียบกับราคาสุดท้ายของเมื่อวานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นรวม 200 บาทจากการประกาศทั้งหมด 8 ครั้ง ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% (ประกาศครั้งที่ 1) ทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 47,250 บาท ฐานภาษีบาทละ 47,510.32 บาท ทองแท่ง ขายออกบาทละ 46,450 บาท รับซื้อบาทละ 46,350 บาท

รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 5 มีนาคม 2568 เปิดตลาดครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.01 น. ปรับตัวลดลง 200 บาท มาอยู่ที่ 46,450 บาท เมื่อเทียบกับราคาสุดท้ายของเมื่อวานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นรวม 200 บาทจากการประกาศทั้งหมด 8 ครั้ง ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% (ประกาศครั้งที่ 1) ทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 47,250 บาท ฐานภาษีบาทละ 47,510.32 บาท ทองแท่ง ขายออกบาทละ 46,450 บาท รับซื้อบาทละ 46,350 บาท

Kraken แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำ ประกาศว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ถอนฟ้องคดีความที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 ซึ่งเป็นการปิดฉากข้อพิพาททางกฎหมายที่มีผลกระทบต่อวงการคริปโตมาอย่างยาวนาน Kraken ระบุว่าการถอนฟ้องครั้งนี้เป็นการ ยกเลิกคดีแบบมีเงื่อนไขถาวร (dismissed with prejudice) ซึ่งหมายความว่า SEC ไม่สามารถนำข้อกล่าวหาเดิมมายื่นฟ้องใหม่ได้อีก โดย Kraken ไม่ต้องยอมรับความผิด ไม่มีค่าปรับ และไม่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด SEC ได้ยื่นฟ้อง Kraken ในข้อหาดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้า (broker), ตัวแทนจำหน่าย (dealer), ตลาดซื้อขาย (exchange) และหน่วยงานหักบัญชี (clearing agency) โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจถอนฟ้องสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งถูกวิจารณ์หนักเกี่ยวกับแนวทาง ‘ฟ้องก่อน อธิบายทีหลัง’

Kraken แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำ ประกาศว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ถอนฟ้องคดีความที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 ซึ่งเป็นการปิดฉากข้อพิพาททางกฎหมายที่มีผลกระทบต่อวงการคริปโตมาอย่างยาวนาน Kraken ระบุว่าการถอนฟ้องครั้งนี้เป็นการ ยกเลิกคดีแบบมีเงื่อนไขถาวร (dismissed with prejudice) ซึ่งหมายความว่า SEC ไม่สามารถนำข้อกล่าวหาเดิมมายื่นฟ้องใหม่ได้อีก โดย Kraken ไม่ต้องยอมรับความผิด ไม่มีค่าปรับ และไม่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด SEC ได้ยื่นฟ้อง Kraken ในข้อหาดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้า (broker), ตัวแทนจำหน่าย (dealer), ตลาดซื้อขาย (exchange) และหน่วยงานหักบัญชี (clearing agency) โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจถอนฟ้องสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งถูกวิจารณ์หนักเกี่ยวกับแนวทาง ‘ฟ้องก่อน อธิบายทีหลัง’

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีเผยว่า ตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้คาดว่าจะอยู่ในช่วง "สร้างฐาน" โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1,189-1,195 จุด และแนวรับที่ 1,165-1,156 จุด ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสัญญาณการผ่อนคลายของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามวันนี้: สงครามการค้าสหรัฐฯ - มีสัญญาณการเจรจาที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อตลาด

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีเผยว่า ตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้คาดว่าจะอยู่ในช่วง "สร้างฐาน" โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1,189-1,195 จุด และแนวรับที่ 1,165-1,156 จุด ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสัญญาณการผ่อนคลายของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามวันนี้: สงครามการค้าสหรัฐฯ - มีสัญญาณการเจรจาที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อตลาด

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เตรียมเดินหน้าสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบคริปโต ด้วยการประชุมพิเศษเกี่ยวกับสถานะของสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะ "หลักทรัพย์" โดยการประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคมนี้ ที่สำนักงานใหญ่ของ SEC ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. การประชุมครั้งนี้ใช้ชื่อว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และเราจะก้าวต่อไปอย่างไร – การกำหนดสถานะหลักทรัพย์" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ "Spring Sprint Toward Crypto Clarity" ที่ SEC ตั้งขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางการกำกับดูแลอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เตรียมเดินหน้าสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบคริปโต ด้วยการประชุมพิเศษเกี่ยวกับสถานะของสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะ "หลักทรัพย์" โดยการประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคมนี้ ที่สำนักงานใหญ่ของ SEC ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. การประชุมครั้งนี้ใช้ชื่อว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และเราจะก้าวต่อไปอย่างไร – การกำหนดสถานะหลักทรัพย์" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ "Spring Sprint Toward Crypto Clarity" ที่ SEC ตั้งขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางการกำกับดูแลอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล

การบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลในองค์กรไม่ใช่เพียงแค่การถือ Bitcoin หรือคริปโทเคอร์เรนซีไว้ในงบดุลเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการ บริหารความเสี่ยงและการกำกับดูแล อย่างมืออาชีพ บริษัทที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลจำเป็นต้องศึกษากฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และมีนโยบายที่รัดกุมเพื่อให้แน่ใจ ว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสอดคล้องกับแนวทางที่ถูกต้องในโลกธุรกิจยุคใหม่ ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin กำลังกลายเป็นหัวข้อที่หลายองค์กรให้ความสนใจ แต่คำถามสำคัญคือ บริษัทสามารถถือ Bitcoin หรือสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ในงบดุลได้หรือไม่? คำตอบคือ "ได้" แต่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องเข้าใจให้รอบด้าน ทั้งในแง่ของการบันทึกบัญชี การเปิดเผยข้อมูล และมาตรฐานทางกฎหมาย "ธุรกิจที่ต้องการถือ Bitcoin ไม่ใช่แค่ต้องเข้าใจกฎเกมของตลาดคริปโท แต่ยังต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางบัญชีอย่างเคร่งครัด" แม้ว่าในมุมมองของนักลงทุน Bitcoin จะเป็นสกุลเงินดิจิทัล แต่ในเชิงบัญชีมันถูกจัดให้อยู่ในหมวด "สินทรัพย์ไม่มีตัวตน" (Intangible Asset) เช่นเดียวกับลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้า เหตุผลสำคัญคือมันไม่มีตัวตนทางกายภาพ และราคามีความผันผวนสูง บริษัทที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะหากเป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งต้องมีแนวทางที่ชัดเจนในการประเมินมูลค่าและเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส

การบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลในองค์กรไม่ใช่เพียงแค่การถือ Bitcoin หรือคริปโทเคอร์เรนซีไว้ในงบดุลเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการ บริหารความเสี่ยงและการกำกับดูแล อย่างมืออาชีพ บริษัทที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลจำเป็นต้องศึกษากฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และมีนโยบายที่รัดกุมเพื่อให้แน่ใจ ว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสอดคล้องกับแนวทางที่ถูกต้องในโลกธุรกิจยุคใหม่ ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin กำลังกลายเป็นหัวข้อที่หลายองค์กรให้ความสนใจ แต่คำถามสำคัญคือ บริษัทสามารถถือ Bitcoin หรือสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ในงบดุลได้หรือไม่? คำตอบคือ "ได้" แต่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องเข้าใจให้รอบด้าน ทั้งในแง่ของการบันทึกบัญชี การเปิดเผยข้อมูล และมาตรฐานทางกฎหมาย "ธุรกิจที่ต้องการถือ Bitcoin ไม่ใช่แค่ต้องเข้าใจกฎเกมของตลาดคริปโท แต่ยังต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางบัญชีอย่างเคร่งครัด" แม้ว่าในมุมมองของนักลงทุน Bitcoin จะเป็นสกุลเงินดิจิทัล แต่ในเชิงบัญชีมันถูกจัดให้อยู่ในหมวด "สินทรัพย์ไม่มีตัวตน" (Intangible Asset) เช่นเดียวกับลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้า เหตุผลสำคัญคือมันไม่มีตัวตนทางกายภาพ และราคามีความผันผวนสูง บริษัทที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะหากเป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งต้องมีแนวทางที่ชัดเจนในการประเมินมูลค่าและเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส

คุณทราบหรือไม่ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมในตลาด แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เกือบทั้งหมด? คุณทราบหรือไม่ว่าสกุลเงินเดียวของยุโรป(ยูโรหรือ 'ยูโร')เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับสอง? ดังนั้น จึงไม่ควรแปลกใจมากนักที่คู่สกุลเงิน EUR/USD เป็นหนึ่งในคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด ดังที่เห็นได้จากแบบสำรวจธนาคารกลาง BIS สามปีครั้ง คุณคงทราบดีอยู่แล้วว่ามีหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดสกุลเงิน ตั้งแต่ดอกเบี้ยไปจนถึงสถิติเศรษฐกิจมหภาคโดยรวมและภูมิรัฐศาสตร์ เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามที่เกี่ยวข้องว่า เราจะซื้อขายในตลาดนี้ได้อย่างไรเมื่อมีตัวแปรมากมายที่ต้องพิจารณา? แม้ว่าจะมีวิธีการต่าง ๆ มากมายที่เทรดเดอร์ใช้ในการนำทางและซื้อขายในตลาดนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ แต่บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสาธิตกลยุทธ์บางอย่างที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้ การผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์มหภาคและการวิเคราะห์ทางเทคนิค เทรดเดอร์มืออาชีพจำนวนมากใช้การวิเคราะห์มหภาค (พื้นฐาน) และการวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมกันเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่พวกเขาใช้อยู่เสมอ กลยุทธิ์นี้เกี่ยวข้องกับการประเมินภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาคเพื่อวัดว่าสกุลเงินใดมีมูลค่าต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป การเฝ้าสังเกตนโยบายการเงินและการคลัง ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ (เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ [GDP] อัตราเงินเฟ้อ การจ้างงานและการผลิต เป็นต้น) และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ หากปัจจัยทั้งสามนี้สอดคล้องกัน คุณมักจะเห็นตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน เมื่อใดและที่ใดที่ควรเข้าสู่ตลาดจึงตกอยู่ที่ด้านเทคนิค การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางซึ่งอยู่ในกลุ่มของการวิเคราะห์ทางเทคนิคและเกี่ยวข้องกับการประเมินแนวคิดของแผนภูมิ เช่น แนวรับและแนวต้าน อุปทานและอุปสงค์ รูปแบบแท่งเทียน และรูปแบบแผนภูมิ ตลอดจนการใช้เครื่องมือ เช่น การย้อนกลับของฟีโบนัชชี การวางแผน และการยืดขยาย เทรดเดอร์มักใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (technical indicators) เพื่อช่วยเสริมในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในการเทรด เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แถบ Bollinger และ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI).

คุณทราบหรือไม่ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมในตลาด แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เกือบทั้งหมด? คุณทราบหรือไม่ว่าสกุลเงินเดียวของยุโรป(ยูโรหรือ 'ยูโร')เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับสอง? ดังนั้น จึงไม่ควรแปลกใจมากนักที่คู่สกุลเงิน EUR/USD เป็นหนึ่งในคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด ดังที่เห็นได้จากแบบสำรวจธนาคารกลาง BIS สามปีครั้ง คุณคงทราบดีอยู่แล้วว่ามีหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดสกุลเงิน ตั้งแต่ดอกเบี้ยไปจนถึงสถิติเศรษฐกิจมหภาคโดยรวมและภูมิรัฐศาสตร์ เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามที่เกี่ยวข้องว่า เราจะซื้อขายในตลาดนี้ได้อย่างไรเมื่อมีตัวแปรมากมายที่ต้องพิจารณา? แม้ว่าจะมีวิธีการต่าง ๆ มากมายที่เทรดเดอร์ใช้ในการนำทางและซื้อขายในตลาดนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ แต่บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสาธิตกลยุทธ์บางอย่างที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้ การผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์มหภาคและการวิเคราะห์ทางเทคนิค เทรดเดอร์มืออาชีพจำนวนมากใช้การวิเคราะห์มหภาค (พื้นฐาน) และการวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมกันเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่พวกเขาใช้อยู่เสมอ กลยุทธิ์นี้เกี่ยวข้องกับการประเมินภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาคเพื่อวัดว่าสกุลเงินใดมีมูลค่าต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป การเฝ้าสังเกตนโยบายการเงินและการคลัง ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ (เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ [GDP] อัตราเงินเฟ้อ การจ้างงานและการผลิต เป็นต้น) และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ หากปัจจัยทั้งสามนี้สอดคล้องกัน คุณมักจะเห็นตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน เมื่อใดและที่ใดที่ควรเข้าสู่ตลาดจึงตกอยู่ที่ด้านเทคนิค การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางซึ่งอยู่ในกลุ่มของการวิเคราะห์ทางเทคนิคและเกี่ยวข้องกับการประเมินแนวคิดของแผนภูมิ เช่น แนวรับและแนวต้าน อุปทานและอุปสงค์ รูปแบบแท่งเทียน และรูปแบบแผนภูมิ ตลอดจนการใช้เครื่องมือ เช่น การย้อนกลับของฟีโบนัชชี การวางแผน และการยืดขยาย เทรดเดอร์มักใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (technical indicators) เพื่อช่วยเสริมในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในการเทรด เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แถบ Bollinger และ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI).

วอชิงตัน ดี.ซี. - 7 มีนาคม 2025 – ทำเนียบขาวเตรียมจัดการประชุมสุดยอดคริปโตที่นำโดย เดวิด แซ็กส์ ที่ปรึกษาด้าน AI และสินทรัพย์ดิจิทัลของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีผู้นำอุตสาหกรรมคริปโตรายใหญ่เข้าร่วม ซึ่งคาดว่าการหารือจะครอบคลุมนโยบายเกี่ยวกับคริปโต บล็อกเชน และกรอบกำกับดูแลในอนาคต การประชุมสุดยอดคริปโตที่ทำเนียบขาว ตามแถลงการณ์ของ เดวิด แซ็กส์ การประชุมครั้งนี้จะรวบรวม “ผู้ก่อตั้ง, CEO และนักลงทุนรายใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโต” เพื่อพบปะกับคณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของทรัมป์ โดยมีวาระหลักที่เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านคริปโตในสหรัฐฯ และทิศทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า คณะทำงานของทำเนียบขาวกำลังพิจารณาเพิ่ม XRP, Solana (SOL) และ Cardano (ADA) เข้าไปในคลังสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นท่าทีที่ส่งสัญญาณสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตอย่างชัดเจน

วอชิงตัน ดี.ซี. - 7 มีนาคม 2025 – ทำเนียบขาวเตรียมจัดการประชุมสุดยอดคริปโตที่นำโดย เดวิด แซ็กส์ ที่ปรึกษาด้าน AI และสินทรัพย์ดิจิทัลของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีผู้นำอุตสาหกรรมคริปโตรายใหญ่เข้าร่วม ซึ่งคาดว่าการหารือจะครอบคลุมนโยบายเกี่ยวกับคริปโต บล็อกเชน และกรอบกำกับดูแลในอนาคต การประชุมสุดยอดคริปโตที่ทำเนียบขาว ตามแถลงการณ์ของ เดวิด แซ็กส์ การประชุมครั้งนี้จะรวบรวม “ผู้ก่อตั้ง, CEO และนักลงทุนรายใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโต” เพื่อพบปะกับคณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของทรัมป์ โดยมีวาระหลักที่เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านคริปโตในสหรัฐฯ และทิศทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า คณะทำงานของทำเนียบขาวกำลังพิจารณาเพิ่ม XRP, Solana (SOL) และ Cardano (ADA) เข้าไปในคลังสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นท่าทีที่ส่งสัญญาณสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตอย่างชัดเจน

ราคาบิทคอยน์ (Bitcoin) และตลาดคริปโตเคอเรนซีเผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีใหม่และแผนสร้างคลังสำรองคริปโตของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายครั้งใหญ่ในตลาด ความผันผวนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบวัฏจักร ตามข้อมูลจาก Glassnode และ TradingView ความผันผวนของบิทคอยน์ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี โดย Realized Volatility ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเปลี่ยนแปลงของราคาแตะระดับ 80% ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ Average True Range (ATR) ของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นสูงกว่า 4,900 จากระดับประมาณ 3,000 ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบิทคอยน์แตะราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 109,000 ดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม 2024 ก่อนร่วงลงมาเกือบ 30% มาอยู่ที่ระดับ 82,000 ดอลลาร์ ในวันที่ 5 มีนาคม ขณะที่อัลต์คอยน์อย่าง Ether (ETH) และ Solana (SOL) ลดลงมากกว่า 50% จากจุดสูงสุดของพวกมัน

ราคาบิทคอยน์ (Bitcoin) และตลาดคริปโตเคอเรนซีเผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีใหม่และแผนสร้างคลังสำรองคริปโตของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายครั้งใหญ่ในตลาด ความผันผวนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบวัฏจักร ตามข้อมูลจาก Glassnode และ TradingView ความผันผวนของบิทคอยน์ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี โดย Realized Volatility ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเปลี่ยนแปลงของราคาแตะระดับ 80% ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ Average True Range (ATR) ของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นสูงกว่า 4,900 จากระดับประมาณ 3,000 ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบิทคอยน์แตะราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 109,000 ดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม 2024 ก่อนร่วงลงมาเกือบ 30% มาอยู่ที่ระดับ 82,000 ดอลลาร์ ในวันที่ 5 มีนาคม ขณะที่อัลต์คอยน์อย่าง Ether (ETH) และ Solana (SOL) ลดลงมากกว่า 50% จากจุดสูงสุดของพวกมัน

สำนักงานควบคุมสกุลเงินของสหรัฐฯ (Office of the Comptroller of the Currency – OCC) ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ธนาคารกลางสามารถดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางครั้งสำคัญจากนโยบายก่อนหน้านี้ของหน่วยงาน การยกเลิกข้อจำกัดทางกฎหมาย ในจดหมายของ OCC ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารแห่งชาติและสมาคมออมทรัพย์ของรัฐบาลกลาง ระบุว่า "การดูแลสินทรัพย์คริปโต การดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์บางประเภท และการเข้าร่วมเครือข่ายตรวจสอบธุรกรรมแบบอิสระ (Independent Node Verification Networks) เป็นสิ่งที่ธนาคารแห่งชาติและสมาคมออมทรัพย์สามารถทำได้อย่างถูกต้อง" นอกจากนี้ OCC ยังได้ยกเลิกข้อกำหนดที่เคยบังคับให้สถาบันการเงินต้องใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดก่อนดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโต ซึ่งช่วยลดภาระของธนาคารในการเข้าร่วมอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำนักงานควบคุมสกุลเงินของสหรัฐฯ (Office of the Comptroller of the Currency – OCC) ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ธนาคารกลางสามารถดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางครั้งสำคัญจากนโยบายก่อนหน้านี้ของหน่วยงาน การยกเลิกข้อจำกัดทางกฎหมาย ในจดหมายของ OCC ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารแห่งชาติและสมาคมออมทรัพย์ของรัฐบาลกลาง ระบุว่า "การดูแลสินทรัพย์คริปโต การดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์บางประเภท และการเข้าร่วมเครือข่ายตรวจสอบธุรกรรมแบบอิสระ (Independent Node Verification Networks) เป็นสิ่งที่ธนาคารแห่งชาติและสมาคมออมทรัพย์สามารถทำได้อย่างถูกต้อง" นอกจากนี้ OCC ยังได้ยกเลิกข้อกำหนดที่เคยบังคับให้สถาบันการเงินต้องใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดก่อนดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโต ซึ่งช่วยลดภาระของธนาคารในการเข้าร่วมอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Bitwise Asset Management ได้ยื่นแบบจดทะเบียน S-1 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) สำหรับกองทุนใหม่ Bitwise Aptos ETF ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนหน้านี้ Bitwise ได้ดำเนินการยื่นจดทะเบียนในรัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นในการเตรียมเปิดตัวกองทุนดังกล่าว ตามข้อมูลจากพอร์ทัลการลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ นี่อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ Aptos กลายเป็นหนึ่งในกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับ altcoin ซึ่งมีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดในอนาคต นอกเหนือจาก Aptos ETF แล้ว Bitwise ยังได้ยื่นขอเปิดตัวกองทุน Dogecoin และ XRP ETF ด้วยเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น Aptos และศักยภาพในการลงทุน โทเค็น APT ของ Aptos ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอยู่ในอันดับที่ 36 ของโลกในกลุ่มสกุลเงินดิจิทัล โดยได้รับการพัฒนาโดย Aptos Labs ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสูง ปรับขนาดได้ และใช้งานง่ายสำหรับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) และสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) Bitwise ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เห็นศักยภาพของ Aptos ในฐานะสินทรัพย์ลงทุน เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัว Aptos Staking ETP บนตลาดหลักทรัพย์สวิส 6 แห่ง ในขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่าง 21Shares ก็เปิดตัว Aptos Staking ETP ในตลาด Euronext อัมสเตอร์ดัมและปารีสเช่นกัน หาก SEC อนุมัติ Bitwise Aptos ETF ก็อาจช่วยให้สถาบันและนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนการเติบโตของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในวงกว้างต่อไป

Bitwise Asset Management ได้ยื่นแบบจดทะเบียน S-1 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) สำหรับกองทุนใหม่ Bitwise Aptos ETF ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนหน้านี้ Bitwise ได้ดำเนินการยื่นจดทะเบียนในรัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นในการเตรียมเปิดตัวกองทุนดังกล่าว ตามข้อมูลจากพอร์ทัลการลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ นี่อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ Aptos กลายเป็นหนึ่งในกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับ altcoin ซึ่งมีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดในอนาคต นอกเหนือจาก Aptos ETF แล้ว Bitwise ยังได้ยื่นขอเปิดตัวกองทุน Dogecoin และ XRP ETF ด้วยเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น Aptos และศักยภาพในการลงทุน โทเค็น APT ของ Aptos ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอยู่ในอันดับที่ 36 ของโลกในกลุ่มสกุลเงินดิจิทัล โดยได้รับการพัฒนาโดย Aptos Labs ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสูง ปรับขนาดได้ และใช้งานง่ายสำหรับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) และสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) Bitwise ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เห็นศักยภาพของ Aptos ในฐานะสินทรัพย์ลงทุน เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัว Aptos Staking ETP บนตลาดหลักทรัพย์สวิส 6 แห่ง ในขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่าง 21Shares ก็เปิดตัว Aptos Staking ETP ในตลาด Euronext อัมสเตอร์ดัมและปารีสเช่นกัน หาก SEC อนุมัติ Bitwise Aptos ETF ก็อาจช่วยให้สถาบันและนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนการเติบโตของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในวงกว้างต่อไป

David Sacks หัวหน้าฝ่ายคริปโตและ AI ของทำเนียบขาว ได้แสดงจุดยืนคัดค้านแนวคิดการเก็บภาษีจากทุกธุรกรรมคริปโต เพื่อใช้เป็นแหล่งทุนสำรอง Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาลสหรัฐฯ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ All In Podcast พิธีกร Jason Calacanis ได้เสนอแนวคิดเก็บภาษี 0.01% จากทุกธุรกรรมคริปโต โดยภาษีจะถูกเรียกเก็บในสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกโอน ซื้อ หรือขาย อย่างไรก็ตาม Sacks ได้ตอบกลับว่า: “ภาษีมักจะเริ่มจากจำนวนที่ดูเล็กน้อยเสมอ ตอนที่ภาษีเงินได้เริ่มใช้ มันมีผลแค่กับชาวอเมริกันเพียงพันคน และฝ่ายนิติบัญญัติสาบานว่าไม่มีวันใช้กับชนชั้นกลาง” Sacks ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า:“ผมไม่ชอบแนวคิดการเพิ่มภาษีใหม่ แม้ว่าจะสัญญาว่าจะไม่กระทบกับประชาชนมากก็ตาม มันฟังดูเป็นภาระเกินไป”

David Sacks หัวหน้าฝ่ายคริปโตและ AI ของทำเนียบขาว ได้แสดงจุดยืนคัดค้านแนวคิดการเก็บภาษีจากทุกธุรกรรมคริปโต เพื่อใช้เป็นแหล่งทุนสำรอง Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาลสหรัฐฯ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ All In Podcast พิธีกร Jason Calacanis ได้เสนอแนวคิดเก็บภาษี 0.01% จากทุกธุรกรรมคริปโต โดยภาษีจะถูกเรียกเก็บในสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกโอน ซื้อ หรือขาย อย่างไรก็ตาม Sacks ได้ตอบกลับว่า: “ภาษีมักจะเริ่มจากจำนวนที่ดูเล็กน้อยเสมอ ตอนที่ภาษีเงินได้เริ่มใช้ มันมีผลแค่กับชาวอเมริกันเพียงพันคน และฝ่ายนิติบัญญัติสาบานว่าไม่มีวันใช้กับชนชั้นกลาง” Sacks ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า:“ผมไม่ชอบแนวคิดการเพิ่มภาษีใหม่ แม้ว่าจะสัญญาว่าจะไม่กระทบกับประชาชนมากก็ตาม มันฟังดูเป็นภาระเกินไป”

เอลซัลวาดอร์ยังคงเดินหน้าสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะกดดันให้ภาครัฐหยุดซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ ซึ่งถือเป็นแหล่งเก็บมูลค่าแบบกระจายศูนย์ ตามรายงานจากสำนักงาน Bitcoin ของเอลซัลวาดอร์ ปัจจุบันประเทศถือครอง Bitcoin ทั้งหมดมากกว่า 6,105 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 527 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามราคาตลาด ณ ปัจจุบัน โดยรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้ดำเนินนโยบายซื้อ Bitcoin อย่างสม่ำเสมอ วันละ 1 เหรียญ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา มีการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็น 5 เหรียญในวันเดียว ข้อตกลงกับ IMF และข้อกำหนดเกี่ยวกับ Bitcoin เอลซัลวาดอร์บรรลุข้อตกลงกับ IMF ในเดือนธันวาคม 2024 เพื่อรับเงินกู้จำนวน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลต้องยกเลิกสถานะของ Bitcoin ในฐานะเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และลดบทบาทของภาครัฐในการถือครอง Bitcoin ลง ในเดือนมกราคม 2025 สภาคองเกรสของเอลซัลวาดอร์ได้มีมติแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับ Bitcoin ให้สอดคล้องกับข้อตกลงของ IMF ด้วยคะแนนเสียง 55-2 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการแก้ไขกฎหมาย แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้น 2 เหรียญในวันเดียว เมื่อวันที่ 3 มีนาคม IMF ได้ออกคำร้องขอใหม่ให้เอลซัลวาดอร์หยุดซื้อ Bitcoin พร้อมระบุว่าประเทศไม่สามารถออกหนี้หรือหลักทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับ Bitcoin ได้ แต่ประธานาธิบดี Nayib Bukele ยังคงยืนยันที่จะดำเนินนโยบายสะสม Bitcoin ต่อไป โดยกล่าวว่าคำกดดันจาก IMF เป็นเพียง "เสียงคร่ำครวญ" เท่านั้น "ถ้าเราไม่หยุด แม้ในช่วงที่โลกพากันต่อต้านเรา และแม้แต่ชุมชน Bitcoin ส่วนใหญ่ก็ทอดทิ้งเรา เราก็จะไม่หยุดตอนนี้ และจะไม่หยุดในอนาคต" — Nayib Bukele

เอลซัลวาดอร์ยังคงเดินหน้าสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะกดดันให้ภาครัฐหยุดซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ ซึ่งถือเป็นแหล่งเก็บมูลค่าแบบกระจายศูนย์ ตามรายงานจากสำนักงาน Bitcoin ของเอลซัลวาดอร์ ปัจจุบันประเทศถือครอง Bitcoin ทั้งหมดมากกว่า 6,105 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 527 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามราคาตลาด ณ ปัจจุบัน โดยรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้ดำเนินนโยบายซื้อ Bitcoin อย่างสม่ำเสมอ วันละ 1 เหรียญ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา มีการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็น 5 เหรียญในวันเดียว ข้อตกลงกับ IMF และข้อกำหนดเกี่ยวกับ Bitcoin เอลซัลวาดอร์บรรลุข้อตกลงกับ IMF ในเดือนธันวาคม 2024 เพื่อรับเงินกู้จำนวน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลต้องยกเลิกสถานะของ Bitcoin ในฐานะเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และลดบทบาทของภาครัฐในการถือครอง Bitcoin ลง ในเดือนมกราคม 2025 สภาคองเกรสของเอลซัลวาดอร์ได้มีมติแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับ Bitcoin ให้สอดคล้องกับข้อตกลงของ IMF ด้วยคะแนนเสียง 55-2 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการแก้ไขกฎหมาย แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้น 2 เหรียญในวันเดียว เมื่อวันที่ 3 มีนาคม IMF ได้ออกคำร้องขอใหม่ให้เอลซัลวาดอร์หยุดซื้อ Bitcoin พร้อมระบุว่าประเทศไม่สามารถออกหนี้หรือหลักทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับ Bitcoin ได้ แต่ประธานาธิบดี Nayib Bukele ยังคงยืนยันที่จะดำเนินนโยบายสะสม Bitcoin ต่อไป โดยกล่าวว่าคำกดดันจาก IMF เป็นเพียง "เสียงคร่ำครวญ" เท่านั้น "ถ้าเราไม่หยุด แม้ในช่วงที่โลกพากันต่อต้านเรา และแม้แต่ชุมชน Bitcoin ส่วนใหญ่ก็ทอดทิ้งเรา เราก็จะไม่หยุดตอนนี้ และจะไม่หยุดในอนาคต" — Nayib Bukele