บทคัดย่อ:แม้ดอลลาร์ยังครองตำแหน่งสกุลเงินหลักของโลก แต่เสียงเรียกร้องให้ “ลดบทบาทดอลลาร์” เริ่มดังขึ้นทั่วโลก หยวนจีน ยูโร และคริปโต ถูกจับตามองในฐานะคู่แข่งใหม่ แต่ปัญหาด้านความเชื่อมั่นยังเป็นอุปสรรคใหญ่ ดอลลาร์อาจยังไม่ร่วงเร็ว ๆ นี้...แต่โลกการเงินกำลังเปลี่ยนไปทีละก้าว
ใครจะขึ้นมาแทนสกุลเงินหลักของโลกได้บ้าง ในยุคที่โลกกำลังเขยิบเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านหลายด้าน ทั้งเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ คำถามหนึ่งที่เริ่มถูกพูดถึงบ่อยขึ้นคือ:“เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังครองตำแหน่งแชมป์ สกุลเงินหลักของโลก ได้อีกนานแค่ไหน?” หลายคนมองไปที่ หยวนจีน ที่ดูมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตลาดโลก บางคนก็ชี้ไปที่ คริปโตเคอร์เรนซี อย่าง Bitcoin ที่อาจเป็นตัวแทนของโลกการเงินยุคใหม่ แล้วแบบนี้ โลกเราจะเดินจากดอลลาร์ไปจริงหรือ? วันนี้แอดเหยี่ยวขอชวนมาบินวนรอบโลกการเงิน พร้อมส่องดู “คู่แข่ง” ของดอลลาร์ และดูว่ามีใครพอจะท้าชิงแชมป์ได้บ้างไหม
จุดเริ่มต้นของราชาเงินตรา
ก่อนจะครองโลก ดอลลาร์เคยเป็นแค่พระรองมาก่อนนะครับ เพราะในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สกุลเงินที่ครองแชมป์จริง ๆ คือ ปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ ซึ่งสอดคล้องกับการที่อังกฤษเป็นอาณาจักรที่ “พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน”
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเศรษฐกิจโลกต้องการระบบใหม่ที่มั่นคงและยุติธรรมขึ้น
Bretton Woods: ดีลเปลี่ยนโลก
ในปี 1944 ตัวแทนจาก 44 ประเทศ มารวมตัวกันที่เมือง Bretton Woods ในสหรัฐฯ เพื่อวางรากฐานระบบการเงินโลกหลังสงคราม โดยข้อสรุปสำคัญก็คือ:
นอกจากนั้น ยังมีการตั้งองค์กรสำคัญอย่าง IMF และ World Bank เพื่อช่วยคุมเสถียรภาพทางการเงินโลกอีกด้วย
ดอลลาร์ก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งได้ยังไง?
ดอลลาร์ไม่ได้ขึ้นเป็นใหญ่เพราะโชคช่วย แต่เพราะมัน “ตอบโจทย์” ประเทศต่าง ๆ ได้ดีที่สุด โดยเฉพาะ 4 เหตุผลหลัก ๆ ที่ยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้:
ตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้เล่นเยอะ ความเสี่ยงต่ำ นักลงทุนถือแล้วรู้สึกปลอดภัย
อเมริกามีตลาดทุนเสรี มีข้อมูลให้เข้าถึงได้สม่ำเสมอ ไม่เหมือนบางประเทศที่มีความโปร่งใสน้อย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ดำเนินนโยบายโดยไม่ถูกการเมืองแทรกมากนัก ทำให้สร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว
จากน้ำมันยันไมโครชิป ส่วนใหญ่ยังซื้อขายกันด้วยดอลลาร์ ทำให้ความต้องการใช้สูงเสมอ
ดอลลาร์ก็เคยสะดุด
ถึงจะยิ่งใหญ่ แต่ดอลลาร์ก็มี “จังหวะพลาด” อยู่หลายครั้ง เช่นในช่วงสงครามเวียดนามที่สหรัฐฯ ใช้จ่ายเกินตัว พิมพ์เงินจำนวนมากออกมาโดยไม่มีทองคำหนุน ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มไม่เชื่อมั่น และขอกลับไปถือ “ทองคำ” แทน
จนกระทั่งในปี 1971 ประธานาธิบดี Richard Nixon ตัดสินใจ “ปลดดอลลาร์จากทองคำ” อย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่นั้นมา โลกก็เข้าสู่ ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ซึ่งใช้มาจนถึงทุกวันนี้
คู่แข่งของดอลลาร์ในศตวรรษนี้
ตอนนี้หลายประเทศเริ่มอยากลดบทบาทของดอลลาร์ในเศรษฐกิจตัวเอง เพื่อกระจายความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ เราเลยเห็นชื่อของ “ผู้ท้าชิง” โผล่ขึ้นมามากขึ้น ได้แก่:
1. หยวนจีน (CNY)
ข้อเสีย:
2. ยูโร (EUR)
ข้อเสีย:
3. คริปโตเคอร์เรนซี
ข้อเสีย:
แล้วดอลลาร์จะร่วงจากบัลลังก์ไหม?
ณ ตอนนี้ ดอลลาร์ยัง “แข็งแกร่งโดยโครงสร้าง”
แม้จะมีเสียงเรียกร้องเรื่อง “De-dollarization” จากหลายประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่มีสกุลไหนที่พร้อมมาทดแทนในภาพรวม
สรุป
ดอลลาร์ยังไม่เสียบัลลังก์ตอนนี้แน่นอน แต่โลกกำลังเปลี่ยน และเงินตราก็สะท้อนพลวัตของอำนาจ
ถ้าสหรัฐฯ เผชิญปัญหาการคลังรุนแรงขึ้น การเมืองภายในวุ่นวาย หรือหนี้สาธารณะสูงจนเกินรับไหว ก็อาจเปิดทางให้ “ผู้เล่นใหม่” มีโอกาสแทรกเข้ามาได้มากขึ้น
แปลว่า… ถึงจะยังครองแชมป์ แต่แวดวงการเงินโลก ก็กำลังซุ่มรอดู “การเปลี่ยนแปลง” อยู่เงียบ ๆ เช่นกัน
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ปี 2025 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าต่อเนื่องกว่า 9% แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี จากแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ การเมือง และแนวโน้มเฟดลดดอกเบี้ย ส่งผลให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ จนราคาพุ่งทะลุ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักเทรด Forex จึงต้องจับตาทิศทางกระแสเงินทุนโลกอย่างใกล้ชิด เพราะการอ่อนค่าของดอลลาร์กำลังเปิดโอกาสสำคัญในการเทรดคู่เงินหลักและทองคำ
บทความนี้อธิบายแนวคิดของ Alligator Indicator อินดิเคเตอร์คลาสสิกที่สร้างโดย Bill Williams เพื่อช่วยนักเทรดจับจังหวะ “หลับ–ตื่น” ของตลาดผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 3 เส้น ได้แก่ Jaw, Teeth และ Lips โดยใช้แยกช่วง Sideway ออกจากช่วงเกิดเทรนด์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดสาย Trend Follow ที่ต้องการหาจุดเข้าออกตามทิศทางตลาดอย่างแม่นยำและมีวินัย
รีวิวโบรกเกอร์
Leverage ในภาษาอังกฤษแปลว่า “คานงัด” หรือ “ข้อได้เปรียบ” แต่ในตลาดการเงินหมายถึงการใช้เงินทุนยืมหรือตัวคูณเพื่อเพิ่มขนาดการลงทุน นักเทรดสามารถใช้ leverage เพิ่มกำไรได้ แต่ความเสี่ยงก็สูงตาม การเข้าใจทั้งความหมายทั่วไปและเชิงการเงินจะช่วยให้ใช้ leverage อย่างชาญฉลาดและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
D prime
IB
XM
FXTM
FXTRADING.com
AvaTrade
D prime
IB
XM
FXTM
FXTRADING.com
AvaTrade
D prime
IB
XM
FXTM
FXTRADING.com
AvaTrade
D prime
IB
XM
FXTM
FXTRADING.com
AvaTrade