บทคัดย่อ:ผลสำรวจจากแพลตฟอร์มการเงิน “400F” ชี้ว่าชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเริ่มถอนตัวจากตลาดคริปโต โดยสาเหตุสำคัญไม่ใช่ความผันผวนของราคา แต่คือภาระภาษีที่สูงถึง 55% และขั้นตอนรายงานที่ยุ่งยาก ทำให้นักลงทุนรู้สึกว่ากำไรไม่คุ้มต้นทุน ขณะเดียวกันผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังมองคริปโตเป็นการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว และกว่า 40% พร้อมกลับเข้าตลาด หากรัฐบาลปรับกฎให้เป็นมิตรขึ้น กรณีนี้สะท้อนว่ากฎระเบียบและภาษีมีผลโดยตรงต่อแรงจูงใจในการลงทุน มากกว่าความผันผวนของสินทรัพย์เอง.

ช่วงนี้แอดเหยี่ยวกำลังติดตามฝั่งเอเชียเป็นพิเศษ เพราะหลายประเทศเริ่มขยับนโยบายด้านสินทรัพย์ดิจิทัลกันเข้มข้น แต่ผลสำรวจล่าสุดจากแพลตฟอร์มวางแผนการเงิน “400F” ของญี่ปุ่น กลับทำให้ต้องหยุดดูรายละเอียดแบบจริงจัง เมื่อพบว่า ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยกำลังถอยห่างจากตลาดคริปโต ทั้งที่เดิมทีญี่ปุ่นเป็นกลุ่มผู้ใช้งานคริปโตยุคแรกๆ ของเอเชีย และถือว่าเปิดรับเทคโนโลยีนี้อย่างมาก
สิ่งที่ทำให้แอดเหยี่ยวต้องหรี่ตาดูไม่ใช่ตัวเลขการเลิกลงทุน แต่คือ “สาเหตุ” ที่ผลักคนออกจากตลาด
จากกลุ่มตัวอย่าง 894 รายพบว่า
ตัวเลขนี้สะท้อนชัดเจนว่า “ภาษี” กลายเป็นศัตรูตัวจริงของนักลงทุน มากกว่าเรื่องราคาเหวี่ยงที่หลายคนกลัวด้วยซ้ำ แอดเหยี่ยวมองว่ามันเป็นต้นทุนที่ไม่ปรากฏอยู่บนกราฟ แต่กลับกัดกินแรงจูงใจในแบบที่หลายคนอาจไม่ทันคิด
ระบบภาษีคริปโตของญี่ปุ่นจัดกำไรจากคริปโตเป็นรายได้เพิ่มเติม และอาจถูกเก็บสูงสุดถึง 55% นี่ยังไม่รวมภาระอื่นๆ เช่น
ทั้งหมดนี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากรู้สึกว่า “กำไรไม่คุ้มเหนื่อย” และท้ายที่สุดก็เลือกถอยออกจากตลาดไป
ส่วนใหญ่หวังสร้างความมั่งคั่งระยะยาว
ผลสำรวจยังพบว่า 62.7% ของนักลงทุนญี่ปุ่นลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาว ไม่ได้เข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นแบบสายเทรดหนักๆ แสดงว่าพวกเขาไม่ได้กลัวความเสี่ยง หากแต่เจออุปสรรคเชิงโครงสร้างมากกว่า
พร้อมกลับมาถ้ารัฐบาลปรับกฎให้เป็นมิตรขึ้น
แม้จะถอย หัวใจนักลงทุนยังไม่ได้หายไปไหน เพราะ 40% บอกว่าพร้อมกลับเข้าตลาดอีกครั้ง หากรัฐบาล:
นั่นหมายความว่า “ความสนใจในคริปโตยังอยู่” แต่ติดที่ระบบยังไม่เอื้อต่อการลงทุนมากพอ
แอดเหยี่ยวมองว่าญี่ปุ่นไม่ได้หมดศรัทธาในคริปโต แต่พ่ายแพ้ต่อภาระทางภาษีและกฎเกณฑ์ที่ทำให้การลงทุนยุ่งยากเกินความจำเป็น หากวันหนึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นผ่อนปรนกฎหรือจัดระบบให้ชัดขึ้น ตลาดคริปโตในญี่ปุ่นอาจกลับมาคึกคักได้ในเวลาไม่นาน
นี่จึงกลายเป็น “บทเรียนใหญ่” สำหรับหลายประเทศรวมถึงไทย ว่าในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล นโยบายไม่ได้มีผลแค่เรื่องความปลอดภัย แต่มีผลโดยตรงต่อแรงจูงใจและพฤติกรรมของนักลงทุน ถ้ากฎเข้มจนเกินจำเป็น พวกเขาไม่ได้หนีเพราะสินทรัพย์ไม่น่าสนใจ แต่เพราะต้นทุนการเข้าร่วมสูงเกินไปต่างหาก
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!


บทความนี้อธิบายสามพฤติกรรมทางอารมณ์ที่ทำให้นักลงทุนคริปโตสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้แก่ การตามกระแสด้วย FOMO จนซื้อบนยอดดอย การถัวราคาโดยไร้แผนเพื่อปลอบความรู้สึกผิด และการ Panic Sell เมื่อราคาดิ่งจนไม่อาจรับความเจ็บปวดได้ วงจรเหล่านี้ไม่ใช่ผลจากตลาดที่โหดร้าย แต่เกิดจากอารมณ์มนุษย์ที่เข้ามาครอบงำการตัดสินใจ นักลงทุนจึงจำเป็นต้องมีแผนก่อนเข้า มีจุดออกชัดเจน และควบคุมอารมณ์ไม่ให้เป็นผู้ขับเคลื่อนพอร์ต หากสามารถเป็น “นายเหนืออารมณ์” ได้ ก็จะเพิ่มโอกาสรอดและเติบโตในตลาดคริปโตที่ผันผวนอย่างยิ่งนี้.

ปฏิบัติการ “Operation Copperhead” เปิดโปงเครือข่ายเหมืองบิตคอยน์ผิดกฎหมายที่แอบใช้ไฟฟ้าหลวงกว่า 3 ปี สร้างความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเครื่องขุด 3,642 เครื่อง มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งถูกซ่อนไว้ในคอนเทนเนอร์ดัดแปลงพร้อมระบบหล่อเย็นด้วยน้ำเพื่อพรางการตรวจสอบ การสืบสวนพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเทาและแก๊งสแกมเมอร์ในเมียนมาที่ใช้เหมืองเป็นช่องทางฟอกเงินหมุนเวียนระดับหลายพันล้านบาท รัฐบาลสั่งขยายผล ยึดทรัพย์ และร่วมมือข้ามแดนเพื่อทำลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดใหญ่ครั้งนี้.

กรณีพบ Ledger Nano ในคดี “นานา ไรบีนา” ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าอุปกรณ์ถูกยึดเท่ากับเงินถูกยึด แต่ความจริงสินทรัพย์ดิจิทัลไม่อยู่ในตัวเครื่อง แต่อยู่ที่ Seed Phrase ซึ่งผู้ถือสามารถนำไปกู้คืนกระเป๋าได้จากที่ไหนก็ได้ในโลก ข้อมูลบนบล็อกเชนตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่จะยึดคืนไม่ได้หากไม่มี Private Key คดีนี้ชี้ชัดว่า ความปลอดภัยของคริปโตขึ้นอยู่กับการเก็บรักษา Seed Phrase มากกว่าอุปกรณ์ นักเทรดทั้งคริปโตและ Forex จึงต้องมีวินัยในการปกป้องกุญแจเหล่านี้ให้รัดกุมที่สุด.

เหตุการณ์แฮ็กครั้งใหญ่ของ Upbit ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่า 36.8 ล้านดอลลาร์ถูกขโมยจาก Hot Wallet บนเครือข่าย Solana แม้ความเสียหายสูง แต่ระบบตรวจจับของ Upbitช่วยย้ายสินทรัพย์ส่วนใหญ่สู่ Cold Wallet ได้ทันเวลา ทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เหตุการณ์นี้ตอกย้ำหลักการสำคัญของโลกคริปโตว่า “Not your keys, not your coins” พร้อมชี้ให้เห็นข้อดี–ข้อเสียของการเก็บเหรียญบนกระดานเทรดเทียบกับ Cold Wallet และสรุปว่าการกระจายความเสี่ยงระหว่างสองวิธีคือแนวทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักลงทุน
FXCM
IC Markets Global
octa
fpmarkets
Exness
Ultima
FXCM
IC Markets Global
octa
fpmarkets
Exness
Ultima
FXCM
IC Markets Global
octa
fpmarkets
Exness
Ultima
FXCM
IC Markets Global
octa
fpmarkets
Exness
Ultima