บทคัดย่อ:Harmonic pattern หรือ รูปแบบกราฟฮาร์มอนิก เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เน้นการใช้ความสัมพันธ์ทางเรขาคณิตระหว่างราคาและเวลา เพื่อระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นในตลาด รูปแบบนี้ถูกคิดค้นครั้งแรกโดย Harold McKinley Gartley
การมีตัวช่วยเทรดที่เหมาะกับตัวเองเป็นเรื่องที่ดีมาก โดยเฉพาะการมีสัญญาณการซื้อขายที่แม่นยำจะเป็นตัวแปรหนึ่งที่จะช่วยให้นักเทรดบรรลุเป้าหมายได้ อีกหนึ่งตัวช่วยที่แอดเหยี่ยวอยากแนะนำนั้นคือ Harmonic pattern ที่มีรูปแบบโครงสร้างหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเทรด Forex ของนักเทรดได้อย่างมาก วันนี้แอดเหยี่ยวจะพาไปเรียนรู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับโครงสร้างนี้ แบบเข้าใจง่ายๆ และใช้ได้จริงครับ มือใหม่ห้ามพลาด!
Harmonic pattern คืออะไร
Harmonic pattern หรือ รูปแบบกราฟฮาร์มอนิก เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เน้นการใช้ความสัมพันธ์ทางเรขาคณิตระหว่างราคาและเวลา เพื่อระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นในตลาด รูปแบบนี้ถูกคิดค้นครั้งแรกโดย Harold McKinley Gartley และมีความเชื่อมโยงกับอัตราส่วนฟีโบนัชชี่ ซึ่งสัมพันธ์กับแนวรับและแนวต้าน โดยฟีเจอร์สำคัญของรูปแบบนี้คือ Potential Reverse Zone (PRZ) ซึ่งเป็นจุดที่สามารถบอกสัญญาณการซื้อขาย และช่วยคาดการณ์โอกาสที่ราคาจะกลับตัว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเทรดเดอร์
การใช้รูปแบบกราฟฮาร์มอนิกในการเทรดฟอเร็กซ์มีความสำคัญ เนื่องจากช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของราคา คาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต และระบุแนวโน้มของราคาหรือการกลับตัวของแนวโน้มได้อย่างแม่นยำ รูปแบบกราฟนี้มีหลายแบบ โดยแต่ละแบบมีความสามารถในการระบุแนวโน้มเฉพาะ ซึ่งจุดประสงค์คือการช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจซื้อขายได้อย่างดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด โดยสามารถนำไปใช้ร่วมกับเทคนิคการวิเคราะห์อื่น ๆ ได้
วิธีการใช้งานของรูปแบบฮาร์มอนิกนี้คือการทำงานร่วมกับหลักการฟีโบนัชชี่ เพื่อระบุจุดเปลี่ยนที่แน่นอน โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์ฟีโบนัชชี่จากรูปแบบขนาดและความยาวที่แตกต่างกัน เทรดเดอร์ยังสามารถใช้เพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวในอนาคตของตราสารทางการเงิน เช่น หุ้น ออปชัน และอื่น ๆ ได้อย่างแม่นยำ
ดังนั้น การเทรดแบบฮาร์มอนิกจึงมีความแตกต่างจากกลยุทธ์การเทรดอื่น ๆ เพราะเน้นการคาดการณ์การเคลื่อนไหวในอนาคต โดยใช้ตัวเลขฟีโบนัชชี่เป็นกุญแจสำคัญในการระบุการกลับตัวของราคา และแสดงลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาที่เฉพาะเจาะจง ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง
.
ความเกี่ยวข้องกันกับหลักการฟิโบนัชชี่
ข้อได้เปรียบหลักของการใช้รูปแบบกราฟฮาร์มอนิกคือ คุณไม่จำเป็นต้องคาดเดาทิศทางของตลาดด้วยตนเอง เนื่องจากสามารถใช้ตัวเลขฟีโบนัชชี่อย่างเฉพาะเจาะจงในการวิเคราะห์ได้ รูปแบบกราฟฮาร์มอนิกนี้มีรากฐานมาจากอัตราส่วนฟีโบนัชชี่ ซึ่งเป็นผลงานของเลโอนาร์โด ฟีโบนัชชี อัตราส่วนพื้นฐานของฟีโบนัชชี่คืออัตราส่วนทองคำ (1.618) โดยตัวเลขฟีโบนัชชี่เป็นลำดับตัวเลขที่แต่ละตัวเกิดจากผลรวมของสองตัวก่อนหน้า เช่น ลำดับเริ่มต้นจาก 0 และ 1 แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34 และต่อไปเรื่อย ๆ
ลำดับฟีโบนัชชี่พื้นฐานประกอบด้วย 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, 317, 610… ซึ่งสร้างชุดอัตราส่วนฟีโบนัชชี่ที่สำคัญสำหรับการเทรด ได้แก่ 0.382, 0.618, 0.786, 1.0, 1.618, 2.0, 2.62, 3.62, และ 4.62 นอกจากนี้ยังมีชุดอัตราส่วนฟีโบนัชชี่รองที่ใช้ในการเทรด เช่น 0.236, 0.886, 1.13, 2.236, 3.14, และ 4.236
ฟีโบนัชชี่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิค ประเภทของการใช้ฟีโบนัชชี่ในการวิเคราะห์ ได้แก่ Fibonacci retracement, Fibonacci extension, Fibonacci projection และ Fibonacci expansion ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เทรดเดอร์ระบุแนวรับ แนวต้าน และจุดกลับตัวที่เป็นไปได้ในตลาด
.
Harmonic pattern มีทั้งข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้
ข้อดีของ Harmonic Pattern
ข้อเสียของ Harmonic Pattern
.
วิธีวาดและเทรด Harmonic pattern
การมองเห็นรูปแบบฮาร์มอนิกด้วยตาเปล่าอาจเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อเทรดเดอร์เข้าใจโครงสร้างของรูปแบบแล้ว ก็จะสามารถระบุรูปแบบเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายโดยใช้เครื่องมือ Fibonacci รูปแบบเหล่านี้อาจมีโครงสร้างเป็นตัว “M” หรือ “W” หรืออาจเป็นการผสมผสานระหว่างทั้งสองรูปแบบ
ขอบคุณรูปจาก Mitrade
รูปแบบฮาร์มอนิกที่สำคัญ ได้แก่ Gartley, Butterfly, Crab, Bat, Shark, และ Cypher แม้จะมีความคล้ายคลึงกันในหลักการและโครงสร้าง แต่แต่ละรูปแบบจะแตกต่างกันในแง่ของอัตราส่วนความยาวของขาและตำแหน่งของจุด X, A, B, C, D อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเข้าใจรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแล้ว การเข้าใจรูปแบบอื่น ๆ จะง่ายขึ้นมาก เทรดเดอร์ยังสามารถใช้ซอฟต์แวร์การจดจำรูปแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยระบุรูปแบบเหล่านี้ได้แทนการใช้ตาเปล่า
การวาดรูปแบบฮาร์มอนิกเพื่อเทรดเริ่มต้นเมื่อคุณระบุขา 3 ขาแรกได้แล้ว โดยมองหาจุด 5 จุด ตัวอย่างเช่น ในรูปแบบ Gartley Bullish เมื่อระบุขา XA, AB และ BC เสร็จแล้วและเริ่มสร้างขา CD คุณก็สามารถระบุโอกาสในการเทรดได้ การลากเส้นโครงสร้างคร่าว ๆ และการย้อนกลับของขา XA และ BC พร้อมกับอัตราส่วนฟีโบนัชชี่จะช่วยสร้างราคาที่สามารถใช้ในการระบุรูปแบบที่เป็นไปได้
ขั้นตอนในการใช้รูปแบบกราฟฮาร์มอนิกในการเทรด ได้แก่:
1.มองหาการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางขาขึ้นหรือขาลง
2.ค้นหาระดับการย้อนกลับที่สำคัญด้วยอัตราส่วน Fibonacci
3.สร้างรูปแบบ
4.ตีความรูปแบบเพื่อระบุการกลับตัวหรือการต่อเนื่อง
5.เปิดการซื้อหรือขาย
รูปแบบของ Harmonic pattern กับการเทรด Forex
รูปแบบฮาร์มอนิกอาจเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่เมื่อเทรดเดอร์เข้าใจโครงสร้างของรูปแบบแล้ว การระบุรูปแบบเหล่านี้จะง่ายขึ้นมากด้วยการใช้เครื่องมือ Fibonacci รูปแบบกราฟอาจปรากฏในลักษณะของโครงสร้างตัว “M” หรือ “W” หรืออาจเป็นการผสมผสานระหว่างสองรูปแบบนี้
รูปแบบฮาร์มอนิกที่สำคัญ ได้แก่ Gartley, Butterfly, Crab, Bat, Shark, และ Cypher ซึ่งทั้งหมดมีหลักการและโครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าแต่ละรูปแบบจะแตกต่างกันในแง่ของอัตราส่วนความยาวของขาและตำแหน่งของจุด X, A, B, C, D เมื่อเข้าใจรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแล้ว การทำความเข้าใจรูปแบบอื่น ๆ จะง่ายขึ้น เทรดเดอร์ยังสามารถใช้ซอฟต์แวร์การจดจำรูปแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยระบุรูปแบบเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ แทนที่จะพึ่งพาการมองด้วยตาเปล่า
ขอบคุณรูปจาก Mitrade
ในการวาดรูปแบบฮาร์มอนิกเพื่อเทรดจะเริ่มต้นเมื่อหา 3 ขาแรกได้แล้วโดยมองหา 5 จุดตัวอย่างเช่น ในรูปแบบ Gartley Bullish หาขา XA, AB และ BC เสร็จแล้วและเริ่มสร้างขา CD คุณอาจจะพอระบุได้การเทรดที่เป็นไปได้ การลากเส้นโครงสร้างคร่าว ๆ และการย้อนกลับของขา XA และ BC พร้อมกับอัตราส่วนฟีโบนัชชี จะสามารถสร้างราคาเพื่อระบุรูปแบบที่เป็นไปได้ ดังนั้น การเริ่มต้นใช้รูปแบบกราฟฮาร์มอนิกในการเทรดสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1.มองหาการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่เป็นขาขึ้นหรือขาลง
2.ค้นหาระดับการย้อนกลับที่สำคัญด้วยอัตราส่วน Fibonacci
3.สร้างรูปแบบ
4.ตีความรูปแบบการกลับตัวหรือต่อเนื่อง
5.เปิดการซื้อหรือขาย
รูปแบบที่ง่ายที่สุดในบรรดารูปแบบทั้งหมด รูปแบบ ABCD (หรือ AB=CD) ประกอบด้วยการเคลื่อนไหว 3 แบบและมี 4 จุด ประการแรก มีการที่ตลาดเคลื่อนไหวไปทางใดทางหนึ่ง (AB) จากนั้นเป็นการเคลื่อนไหวแบบตรง (BC) และการที่ตลาดเคลื่อนไหวไปทางใดทางหนึ่ง (DC) ที่ไปในทิศทางเดียวกันกับ AB
เมื่อใช้เครื่องมือ Fibonacci retracement บนขา AB ขา BC ควรไปถึง 0.618 อย่างแม่นยำ เส้น CD จะยาวเท่ากับเส้น AB และเวลาที่ราคาไปจาก A ถึง B ควรเท่ากับเวลาที่ใช้ไปจาก C ถึง D
เทรดเดอร์สามารถเลือกที่จะวางคำสั่งเข้าใกล้กับจุด C ซึ่งกำหนดเป็น Potential Reversal Zone (PRZ) หรือสามารถรอจนกว่ารูปแบบทั้งหมดจะเสร็จสิ้นก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง long หรือ short จากจุด D ได้
ขอบคุณรูปจาก Mitrade
เป็นรูปแบบแผนภูมิฮาร์มอนิกที่พบมากที่สุด สำหรับ Gartley pattern จะทำงานบนสมมติฐานว่าลำดับฟีโบนัชชีสามารถใช้สร้างโครงสร้างทางเรขาคณิตได้ เช่น การฝ่าวงล้อมและการดีดตัว (retracement) ประโยชน์หลักของรูปแบบกราฟประเภทนี้คือการให้ข้อมูลเชิงลึกเฉพาะเจาะจงทั้งในด้านเวลาและขนาดของการเคลื่อนไหวของราคาแทนที่จะดูเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคหลายคนใช้ Gartley pattern ร่วมกับรูปแบบแผนภูมิหรือตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น สำหรับเทรดเดอร์ที่มุ่งเน้นไปที่การเทรดแบบระยะสั้นในทิศทางของแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ รูปแบบนี้อาจให้ภาพรวมว่าราคามีแนวโน้มจะไปในทิศทางใดในระยะยาว โดยจะเป็นการดูเป้าหมายราคาที่เคลื่อนทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่ตั้งการฝ่าวงล้อม สำหรับจุด stop-loss มักจะอยู่ที่จุด 0 หรือ X และจุดทำกำไรมักตั้งไว้ที่จุด C ในการเทรดจริงควรใช้รูปแบบ Gartley ร่วมกับรูปแบบอื่น ๆ ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่จะช่วยการยืนยันราคาที่แม่นยำมากขึ้นได้
ขอบคุณรูปจาก Mitrade
สำหรับ Butterfly pattern จะแตกต่างจาก Gartley ตรงที่ผีเสื้อมีจุด D ยื่นเลยจุด X รูปแบบผีเสื้อถูกค้นพบโดย Bryce Gilmore ซึ่งใช้การผสมผสานอัตราส่วฟิโบนัชชี่ที่แตกต่างกันเพื่อระบุการย้อนกลับที่อาจเกิดขึ้น เป็นรูปแบบการกลับรายการที่ประกอบด้วยสี่ขา โดยมีเครื่องหมาย X-A, A-B, B-C และ C-D
อัตราส่วนที่สำคัญที่สุดในการกำหนดคือ 0.786 การย้อนกลับของขา XA สิ่งนี้ช่วยในการวางแผนจุด B ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์ระบุ PRZ ได้
ขอบคุณรูปจาก Mitrade
รูปแบบค้างคาว ได้ชื่อมาจากรูปภาพที่เหมือนกับค้างคาว คิดค้นโดย Scott Carney ในปี 2001 มีขามากกว่ารูปแบบ ABCD หนึ่งขา และมีจุดพิเศษอีกหนึ่งจุด ซึ่งเราจะเรียกว่า X ขาแรก (XA) จะนำไปสู่การเคลื่อนที่ย้อนกลับของ BC หากการย้อนกลับขึ้นไปที่จุด B หยุดที่ 50% ของการเคลื่อนไหว XA เริ่มต้น คุณอาจกำลังมองหารูปแบบ BAT
ส่วนขยาย CD ต้องมีอย่างน้อย 1.618 ของขา BC และสามารถสูงถึง 2.618 ส่วนขยาย CD ต้องไม่น้อยกว่า BC มิฉะนั้นตัวเลขจะใช้ไม่ได้ จุดสิ้นสุด (D) สร้าง PRZ ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะเพื่อซื้อขายได้ทั้งการกลับตัวของราคาที่เป็นขาขึ้นหรือการผกผันของราคาที่เป็นขาลง
Crab pattern
การค้นพบโดย Scott Carney รูปแบบ Crab มีโครงสร้างตามลำดับ X-A, A-B, B-C และ C-D ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าสู่ตลาดในช่วงที่ราคาสูงหรือต่ำมาก จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของรูปแบบนี้คือการขยายตัว 1.618 ของการเคลื่อนไหว XA ที่กำหนด Potential Reversal Zone (PRZ)
ในรูปแบบตลาดหมีของ Crab ขาแรก (XA) เกิดขึ้นเมื่อราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากจุด X ไปยังจุด A ขา AB จะถอยกลับระหว่าง 38.2% ถึง 61.8% ของการเคลื่อนไหว XA ตามด้วยการเคลื่อนที่ BC ที่รุนแรง (2.618 - 3.14 - 3.618) ซึ่งช่วยระบุพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับความสมบูรณ์ของรูปแบบและการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Mitrade
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ความมั่นใจเป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับนักเทรด แต่ความมั่นใจเกินไปอาจเป็นดาบสองคมที่ทำให้คุณพลาดโอกาสในการทำกำไร และอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการขาดทุนที่ไม่จำเป็น ดังนั้น การรักษาความมั่นใจในตัวเองในระดับที่พอเหมาะ พร้อมกับการยอมรับความเสี่ยงและการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในตลาดได้อย่างยั่งยืน
Zero-Day Options คือเครื่องมือที่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่รักความท้าทาย ชอบการเทรดแบบจบภายในวัน และพร้อมรับมือกับความผันผวนที่สูง เทรดเดอร์ที่เก่งกาจสามารถเปลี่ยนความเสี่ยงนี้ให้กลายเป็นโอกาสทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับมือใหม่ก็ต้องศึกษาและฝึกฝนให้มากก่อนที่จะกระโจนเข้าสู่สนามนี้
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก
การทำงานของความกลัวในตลาดไม่ต่างจากการทำงานของสัญชาตญาณในตัวเรา เมื่อเรามองเห็นความไม่แน่นอนหรือความเสี่ยง ความกลัวจะกระตุ้นให้เราหลีกเลี่ยงหรือป้องกันตัวเองจากการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อตลาดมีความผันผวนมากขึ้นหรือเมื่อมีข่าวที่ไม่ดีออกมา นักลงทุนมักจะตกอยู่ในสภาวะตกใจและเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย
FXTM
FOREX.com
Exness
DBG Markets
MultiBank Group
HTFX
FXTM
FOREX.com
Exness
DBG Markets
MultiBank Group
HTFX
FXTM
FOREX.com
Exness
DBG Markets
MultiBank Group
HTFX
FXTM
FOREX.com
Exness
DBG Markets
MultiBank Group
HTFX