บทคัดย่อ:ตลาด Forex กับ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นั้นเหมือนหรือต่างกันยังไง?
แอดเหยี่ยวมาพร้อมกับข้อมูลดี ๆ อีกเช่นเคยครับ! หลายคนที่กำลังเทรด หรือคิดจะเริ่มต้นในโลกการลงทุน อาจเคยสงสัยว่า ตลาด Forex กับ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นั้นเหมือนหรือต่างกันยังไง? แถมยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกลงทุนแบบไหนถึงจะเหมาะกับตัวเอง วันนี้แอดจะพาทุกคนมาหาคำตอบกันแบบละเอียดเลยครับ
ตลาด Forex คืออะไร?
เริ่มกันที่ ตลาด Forex กันก่อนครับ Forex ย่อมาจาก “The Foreign Exchange Market” หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างประเทศ นั่นเอง
ในตลาดนี้จะเน้นการเทรดคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD, GBP/USD ฯลฯ โดยเป้าหมายหลักคือเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาสกุลเงินครับ จุดเด่นของ Forex คือ สภาพคล่องสูง และ ปริมาณการซื้อขายมหาศาล เพราะมีผู้เล่นในตลาดทั่วโลก ทั้งธนาคารกลาง, สถาบันการเงิน, ไปจนถึงนักลงทุนรายย่อยแบบเรา ๆ
สำหรับสายเทรดที่อยากได้กำไรเร็ว ๆ หรือใช้เครื่องมือช่วยเพิ่มกำไรอย่าง Leverage ตลาด Forex ก็นับว่าตอบโจทย์สุด ๆ ครับ
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คืออะไร?
มาต่อกันที่ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) กันบ้างครับ สินค้าโภคภัณฑ์คือสินค้าที่เราสามารถซื้อขายได้ทั่วโลก เช่น น้ำมัน, ทองคำ, ข้าวโพด, หรือกาแฟ โดยสินค้าเหล่านี้มักมีมาตรฐานเหมือนกันไม่ว่าจะซื้อจากประเทศไหน
การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่จะทำผ่าน สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา อีกทั้งยังเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ กระจายพอร์ตการลงทุน และป้องกันความเสี่ยงจากตลาดการเงินอื่น ๆ
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีจุดเด่นตรงที่ต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำ และมีสินค้าหลากหลายให้เลือกตามฤดูกาล เช่น สินค้าเกษตรที่อาจมีราคาขึ้นลงตามสภาพอากาศ
ความแตกต่างที่สำคัญ
ทั้งสองตลาดมีเสน่ห์เฉพาะตัว แต่ก็มีจุดต่างที่นักเทรดควรรู้ครับ
สรุป
ทั้งตลาด Forex และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีจุดเด่นที่ต่างกันครับ การเลือกตลาดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ เป้าหมายการลงทุน และ สไตล์การเทรด ของแต่ละคน
ถ้าคุณเป็นสายเก็งกำไรชอบความเร็วและความตื่นเต้น ตลาด Forex อาจเป็นตัวเลือกที่ใช่! แต่ถ้าชอบความเสถียรและต้องการกระจายความเสี่ยง สินค้าโภคภัณฑ์ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี
แอดเหยี่ยวหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ นักเทรดมีความเข้าใจมากขึ้น และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ศึกษาให้รอบคอบก่อนเทรดเสมอนะครับ!
ขอบคุณข้อมูลจาก tradewithauntie
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
บทความนี้สำรวจ 5 ประเทศที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายเงินตราระดับโลก ได้แก่: สหราชอาณาจักร (ลอนดอน) – ศูนย์กลางอันดับหนึ่งของโลก มีสภาพคล่องสูงสุดเพราะเชื่อมโยงตลาดเอเชียและอเมริกา สหรัฐอเมริกา (นิวยอร์ก) – ฐานหลักของดอลลาร์สหรัฐ และได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ สิงคโปร์ – ศูนย์กลางการเงินของเอเชีย และประตูสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิก ฮ่องกง – เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีน และเป็นศูนย์กลางการซื้อขายเงินหยวนนอกประเทศจีน ญี่ปุ่น (โตเกียว) – ฐานหลักของเงินเยน และได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น การเข้าใจโครงสร้างและลักษณะเฉพาะของตลาดเหล่านี้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและวางกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรมสรรพากรสหรัฐฯ เลิกจ้างพนักงานราว 6,000 ตำแหน่งตามนโยบายทรัมป์
บทวิเคราะห์ทองคำ
กำไรจากการขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณไม่ต้องเสียภาษี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) อย่างไรก็ตาม การออมทองไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ยกเว้นค่ากำเหน็จทองรูปพรรณที่มีใบกำกับภาษี e-Tax Invoice บทความยังเปรียบเทียบภาระภาษีจากการลงทุนประเภทอื่น เช่น หุ้น พันธบัตร และคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อช่วยให้นักลงทุนวางแผนภาษีได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การออมทองเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยง แม้ราคาจะผันผวนตามเศรษฐกิจโลก นักลงทุนจึงควรพิจารณาข้อมูลและวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ
FXTM
Exness
DBG Markets
EC Markets
GTCFX
IC Markets Global
FXTM
Exness
DBG Markets
EC Markets
GTCFX
IC Markets Global
FXTM
Exness
DBG Markets
EC Markets
GTCFX
IC Markets Global
FXTM
Exness
DBG Markets
EC Markets
GTCFX
IC Markets Global