บทคัดย่อ:ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ช่วยป้องกันความเสี่ยง แต่ราคามีความผันผวนสูงทั้งขึ้นและลง การลงทุนควรถือทองคำในพอร์ตเพียง 5–15% เพื่อสร้างสมดุล ลดความเสี่ยง และเปิดโอกาสให้ลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ พร้อมติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน

ช่วงนี้คำว่า “ราคาทองคำ” กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในทุกวงการการลงทุน หลังราคาทองในไทยทะลุ 55,000 บาทต่อบาททองคำ และราคาตลาดโลกก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) อีกครั้ง หลายคนอาจรู้สึกว่าทองคำคือ “คำตอบสุดท้าย” ของการป้องกันความเสี่ยงในวันที่เศรษฐกิจโลกยังเต็มไปด้วยความผันผวน โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ยลงล่าสุด 0.25% ยิ่งเป็นแรงหนุนให้ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ทุกพอร์ตควรมี
แต่คำถามคือ… หากทองคำเป็น Safe Haven ที่น่าจับตามอง ทำไมผู้เชี่ยวชาญกลับไม่แนะนำให้ถือทองคำเยอะเกินไป? แอดเหยี่ยวจะพาไปเจาะลึกว่าเพราะอะไร “ทองคำ” ถึงควรมีเพียง 5-15% ของพอร์ตลงทุนเท่านั้น
ข้อมูลย้อนหลัง 15 ปี (2553 – ส.ค. 2568) ชี้ชัดว่าราคาทองคำมีทั้งขึ้นแรงและลงแรง ตัวอย่างเช่น:
นี่คือหลักฐานว่าแม้ทองคำจะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ แต่ก็ไม่พ้นความผันผวน
หากดอกเบี้ยจริงต่ำ นักลงทุนจะเลือกทองคำมากขึ้น ดันราคาสูงขึ้น แต่หากดอกเบี้ยจริงสูง เงินลงทุนก็จะไหลออกจากทองคำ
วิกฤติเศรษฐกิจ สงคราม หรือความตึงเครียดระหว่างประเทศ มักทำให้นักลงทุนวิ่งเข้าหาทองคำ แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ราคาทองก็มักจะปรับตัวลดลง
ทองคำมักเคลื่อนไหวสวนทางกับดอลลาร์ หากดอลลาร์แข็ง ราคาทองมักร่วง แต่หากดอลลาร์อ่อน ราคาทองก็มักจะพุ่งขึ้น
ทั้ง Set Investnow และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา แนะนำสัดส่วนทองคำในพอร์ตที่เหมาะสมคือ 5-15% ของการลงทุนทั้งหมด เหตุผลเพราะทองคำช่วยป้องกันความเสี่ยง แต่ไม่ควรถือมากจนเกินไป เนื่องจากอาจพลาดโอกาสจากสินทรัพย์อื่นที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า
รุ่งนภา โอภาสปัญญาสาร อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ยังย้ำว่า การกระจายพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทคือกุญแจสำคัญ ไม่ควรกระจุกอยู่ที่ทองคำเพียงอย่างเดียว
.
ทองคำคือ “เกราะกันชน” ชั้นดีในวันที่โลกเผชิญความไม่แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยง ราคาทองเองมีวัฏจักรขึ้น–ลงที่แรงพอสมควร
ดังนั้น สำหรับนักลงทุน แอดเหยี่ยวแนะนำว่าการถือทองคำในพอร์ตเพียง 5-15% ถือว่าเพียงพอแล้ว เพื่อสร้างสมดุล ลดความเสี่ยง และยังเปิดโอกาสให้ลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ได้ด้วย ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมติดตามข่าวสารและศึกษาข้อมูลรอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก Thairath Money
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!


Forex Copy Trade เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้นักลงทุน โดยเฉพาะมือใหม่ สามารถคัดลอกการเทรดของผู้เชี่ยวชาญแบบอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการวิเคราะห์ตลาด แต่แม้จะมีข้อดี เช่น ใช้งานง่าย เลือกความเสี่ยงได้ และเรียนรู้จากนักเทรดมืออาชีพ ระบบนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ผลงานในอดีตไม่การันตีอนาคต ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมออเดอร์เอง และความเสี่ยงจากการบริหารเงินทุนของนักเทรดที่เลือก ดังนั้น การเลือกนักเทรดที่มีประวัติยาว การบริหารความเสี่ยงดี และผลลัพธ์สม่ำเสมอ ถือเป็นปัจจัยหลักในการใช้ Copy Trade ให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ระยะยาว

บทความนี้อธิบายความสำคัญของ Forex Cashback ในยุคที่การแข่งขันของโบรกเกอร์สูงขึ้น โดยชี้ให้เห็นว่าเงินคืนจากค่า Spread และ Commission สามารถลดต้นทุนการเทรดได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เทรดถี่หรือใช้ EA ซึ่งมีปริมาณการเทรดสูง ระบบ Cashback ทำงานผ่านการคืนส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมต่อจำนวนล็อตที่เทรด ทำให้เทรดเดอร์ได้รับผลประโยชน์ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน พร้อมวิเคราะห์ข้อดี ข้อควรระวัง วิธีเลือกผู้ให้บริการที่ปลอดภัย และแนวทางใช้ Cashback ให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด โดยสรุปแล้ว Forex Cashback เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดโดยไม่เพิ่มความเสี่ยง และเป็นโอกาสที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้าม

บทความนี้กล่าวถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในยุคดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะนักเทรด Forex ที่ต้องทำธุรกรรมออนไลน์เป็นประจำ ท่ามกลางภัยฉ้อโกงรูปแบบใหม่ที่พัฒนาด้วย AI เช่น ข้อความปลอม ลิงก์ปลอม และการหลอกให้กดยืนยันธุรกรรมเอง ซึ่งเป็นสาเหตุความเสียหายมหาศาลในประเทศไทย ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าจุดอ่อนสำคัญคือ “ผู้ใช้” ไม่ใช่ระบบ จึงเน้นย้ำว่านักเทรดต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูล การตรวจสอบความถูกต้องของช่องทางต่าง ๆ และตระหนักว่าในโลกออนไลน์ ความอยู่รอดสำคัญไม่แพ้ความสามารถในการเทรด.

บทความนี้อธิบายความสำคัญของ Platform Trading สำหรับนักเทรด Forex ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการเปิด–ปิดออร์เดอร์ วิเคราะห์กราฟ และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสรุปฟีเจอร์ที่แพลตฟอร์มที่ดีควรมี ประเภทของแพลตฟอร์มทั้งเชิงพาณิชย์และเฉพาะสถาบัน รวมถึงปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งาน เช่น ฟีเจอร์ ค่าธรรมเนียม และความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ โดยยกตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MT4/MT5, cTrader และ NinjaTrader เพื่อช่วยให้นักเทรดเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับกลยุทธ์และรูปแบบการเทรดของตนเอง.
FXTM
ATFX
BCR
AVATRADE
EC markets
D prime
FXTM
ATFX
BCR
AVATRADE
EC markets
D prime
FXTM
ATFX
BCR
AVATRADE
EC markets
D prime
FXTM
ATFX
BCR
AVATRADE
EC markets
D prime