บทคัดย่อ:Fibonacci คือชุดตัวเลขทางคณิตศาสตร์ที่สะท้อนจังหวะและสมดุลของธรรมชาติ ซึ่งถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน โดยเฉพาะเครื่องมืออย่าง Fibonacci Retracement และ Extension เพื่อหาจุดพักตัวหรือเป้าหมายราคา “สัดส่วนทองคำ” 0.618 คือหัวใจสำคัญที่ปรากฏทั้งในธรรมชาติและกราฟราคา แท้จริงแล้ว Fibonacci ไม่ได้แม่นเพราะคณิตศาสตร์ แต่เพราะ “นักเทรดส่วนใหญ่เชื่อในมัน” จึงกลายเป็นภาษาลับที่ช่วยให้เข้าใจจังหวะตลาดได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น.
ในโลกของการเทรด ตัวเลขไม่เคยโกหก แต่ก็ไม่ได้บอกทุกอย่างในตัวมันเองเสมอไป มีตัวเลขชุดหนึ่งที่นักเทรดหลายคนรู้จักชื่อ แต่ยังไม่เข้าใจ “พลัง” ที่แท้จริงของมัน นั่นคือ “Fibonacci” ตัวเลขที่เริ่มต้นจากหลักคณิตศาสตร์ธรรมดา แต่กลับสะท้อนจังหวะของธรรมชาติ และแม้แต่พฤติกรรมของตลาดการเงินได้อย่างน่าทึ่ง
สิ่งที่ทำให้ Fibonacci พิเศษไม่ใช่แค่สูตรการคำนวณ แต่คือ “สัดส่วนและจังหวะ” ที่ปรากฏซ้ำในทุกสิ่งรอบตัวเรา ตั้งแต่การเรียงตัวของกลีบดอกไม้ ไปจนถึงการแกว่งตัวของกราฟราคาในตลาด Forex
แอดเหยี่ยวมองว่า ถ้าเข้าใจ “ภาษาลับ” ของ Fibonacci คุณจะไม่ได้แค่ดูกราฟเป็น แต่จะเริ่ม “ฟังตลาดออก” ว่ามันกำลังจะพูดอะไรต่อไป
หากพูดถึง “Fibonacci” หลายคนคงนึกถึงตัวเลขอย่าง 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13… แต่รู้ไหมครับว่า ตัวเลขชุดนี้ถูกค้นพบมากว่า 800 ปีแล้ว และยังคงถูกใช้ในโลกยุคดิจิทัลจนถึงปัจจุบัน
แนวคิดนี้เริ่มจากนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียนชื่อ Leonardo Fibonacci เขาค้นพบว่าตัวเลขในลำดับ Fibonacci มีความสัมพันธ์ที่ปรากฏอยู่ทั่วธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเรียงตัวของกลีบดอกไม้, การหมุนของเปลือกหอย, หรือสัดส่วนของร่างกายมนุษย์ สิ่งที่น่าทึ่งคือ จังหวะและสัดส่วนเดียวกันนี้ ปรากฏในตลาดการเงินด้วยเช่นกัน
ตลาดการเงินไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่ขับเคลื่อนด้วย “พฤติกรรมของผู้คน” — ความกลัว ความโลภ และความคาดหวัง และพฤติกรรมของผู้คนจำนวนมาก มักเกิดซ้ำในรูปแบบที่มีสัดส่วนคงที่ ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่ Fibonacci อธิบายได้ นักเทรดทั่วโลกจึงนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ในเครื่องมือวิเคราะห์กราฟ เช่น
ผลลัพธ์คือ เทรดเดอร์สามารถจับจังหวะการกลับตัวหรือยืนยันแนวโน้มของราคาได้แม่นยำขึ้น
สิ่งที่ทำให้ Fibonacci มีพลังมาก คือ “อัตราส่วนทองคำ” หรือ 0.618 ซึ่งมาจากการหารตัวเลขในลำดับ Fibonacci ต่อกัน เช่น 21 ÷ 34 = 0.6176
อัตราส่วนนี้คือสัดส่วนที่ปรากฏในธรรมชาติ ศิลปะ สถาปัตยกรรม และแม้แต่ในกราฟราคาของตลาดการเงิน ในตลาด Forex ตัวเลขที่นิยมใช้อ้างอิงได้แก่ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 78.6% ซึ่งกลายเป็นแนว Fibonacci Retracement ที่เทรดเดอร์ทั่วโลกใช้ประกอบการตัดสินใจ
ในทางเทคนิค Fibonacci ช่วยวัด “ระดับราคา” แต่ในทางจิตวิทยา มันช่วยวัด “ระดับความเชื่อมั่นของตลาด”
เมื่อราคาพักตัวลงมาถึงแนว Fibonacci สำคัญ เช่น 38.2% หรือ 61.8% นักเทรดจำนวนมากมักมองว่าจุดนั้นเป็น “โอกาสกลับตัว” จึงเกิดแรงซื้อ–แรงขายที่ทำให้ราคาเคลื่อนไหวตามคาดการณ์ได้จริง แอดเหยี่ยวจึงชอบพูดว่า “Fibonacci ไม่ได้แม่นเพราะคณิตศาสตร์ แต่มันแม่นเพราะคนส่วนใหญ่เชื่อในมัน”
Fibonacci ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ ภาษาของจังหวะและสมดุล ภาษาที่ธรรมชาติใช้สร้างรูปแบบชีวิต และตลาดการเงินใช้สร้างจังหวะราคา สำหรับนักเทรด การเข้าใจ Fibonacci ไม่ได้แปลว่าต้องใช้ทุกครั้ง แต่คือการเรียนรู้ “หลักการที่ตลาดเคารพ” เมื่อคุณรู้ว่าราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหวอย่างไร คุณก็สามารถเทรดอย่างมีระบบและมีเหตุผลมากขึ้น
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ความแตกต่างระหว่าง Forex และหุ้นไม่ได้อยู่ที่โชค แต่คือ “จังหวะและเวลา” ตลาด Forex เหมาะกับผู้ที่ชอบความเคลื่อนไหวเร็ว สามารถทำกำไรหรือขาดทุนภายในวัน ส่วนหุ้นเหมาะกับนักลงทุนที่มองระยะยาว รอให้บริษัทเติบโตและสะท้อนมูลค่า การเข้าใจลักษณะและจังหวะของตลาดที่ตรงกับสไตล์ตัวเองคือกุญแจสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะเลือก Forex หรือหุ้น การจับจังหวะตลาดให้ทัน จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรอย่างมั่นใจ.
บทความนี้อธิบายความแตกต่างระหว่างบัญชีเทรด Forex 3 ประเภท ได้แก่ ECN, Standard และ Cent โดยบัญชี ECN เหมาะกับเทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการสเปรดต่ำและความเร็วสูง, Standard เหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการความง่ายและไม่มีค่าคอมมิชชัน, ส่วนบัญชี Cent เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกเทรดด้วยเงินจริงแต่ความเสี่ยงต่ำ การเลือกบัญชีให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดช่วยเพิ่มโอกาสรอดและบริหารพอร์ตอย่างมืออาชีพ.
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2025 แอนนา พอลสัน ผู้ว่าการเฟดฟิลาเดลเฟีย ระบุความเสี่ยงตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นสนับสนุนการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องจนถึงปี 2027 ส่งผลดอลลาร์อาจอ่อนค่าและสร้างโอกาสสำหรับทองคำและคู่เงินหลัก นักเทรดฟอเร็กซ์จึงควรจับตาทิศทางค่าเงินและนโยบายเฟดอย่างใกล้ชิด.
บทความนี้พูดถึงกระแส “คอร์สสอนเทรด Forex” ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคโซเชียล พร้อมแนะวิธีแยกคอร์สคุณภาพออกจากคอร์สขายฝัน โดยเน้นว่าผู้สอนควรเทรดจริง สอนหลักคิดมากกว่าสูตรสำเร็จ และให้ความสำคัญกับความเสี่ยงเท่ากับโอกาส แอดเหยี่ยวสรุปว่า การเรียนเทรดที่แท้จริงไม่ใช่ทางลัดสู่กำไร แต่คือการสร้างพื้นฐานและวินัยเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
FXTM
Exness
DBG Markets
XM
AvaTrade
STARTRADER
FXTM
Exness
DBG Markets
XM
AvaTrade
STARTRADER
FXTM
Exness
DBG Markets
XM
AvaTrade
STARTRADER
FXTM
Exness
DBG Markets
XM
AvaTrade
STARTRADER