บทคัดย่อ:คดีแฮก Bitcoin 25,000 BTC ของผู้ใช้ชื่อ allinvain ในปี 2011 กลายเป็นบทเรียนสำคัญของโลกคริปโต จากความประมาทด้านความปลอดภัย เช่น ไม่ใช้ 2FA และไม่เข้ารหัสกระเป๋าเงิน ทำให้ Private Key ถูกขโมยและไม่สามารถกู้คืนทรัพย์สินได้ เหตุการณ์นี้สะท้อนความจริงว่าในโลกบล็อกเชน ธุรกรรมย้อนกลับไม่ได้ และผู้ถือคริปโตต้องรับผิดชอบความปลอดภัยด้วยตนเอง บทเรียนดังกล่าวจุดประกายให้ชุมชนคริปโตให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้น และย้ำว่า “ความอยู่รอด” สำคัญไม่แพ้กำไร

ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ในวันที่ Bitcoin ยังถูกมองว่าเป็นของเล่นของคนไอที และราคายังไม่ถึงหลักสิบดอลลาร์ โลกคริปโตได้เจอกับเหตุการณ์หนึ่งที่กลายเป็น “ตำนานฝันร้าย” มาจนถึงทุกวันนี้
แอดเหยี่ยวกำลังพูดถึงคดีแฮก Bitcoin จำนวน 25,000 BTC ของยูสเซอร์รายหนึ่งในเว็บบอร์ด Bitcointalk ที่ใช้ชื่อว่า “allinvain”
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่การสูญเสียเงินธรรมดา แต่เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดบทหนึ่งของโลกคริปโต
คืนวันที่ 13 มิถุนายน 2011 allinvain ได้โพสต์ข้อความสั้น ๆ แต่สะเทือนใจลงบนเว็บ Bitcointalk ว่า
“ผมเพิ่งถูกแฮก… Bitcoin จำนวน 25,000 BTC ถูกโอนออกไปจากบัญชีของผม”
ในวินาทีนั้น เขาไม่ได้สูญเสียแค่ตัวเลขในจอ แต่คือทรัพย์สินเกือบทั้งหมดที่เขามี
ถ้ามองด้วยราคาปัจจุบัน 25,000 BTC จะมีมูลค่าสูงถึง 60,000 – 70,000 ล้านบาท
แต่แม้ในปี 2011 ที่ Bitcoin ยังมีมูลค่ารวมเพียงราว 500,000 ดอลลาร์ มันก็ถือว่าเป็นเงินมหาศาลเกินกว่าคนทั่วไปจะรับไหว
allinvain ยอมรับตรงไปตรงมาว่า ในเสี้ยววินาทีแรกที่เห็นยอดเงินกลายเป็นศูนย์ เขารู้สึกสิ้นหวังจนอยากจบชีวิตตัวเอง
ในเวลาต่อมา allinvain ได้อธิบายสาเหตุของการถูกแฮกอย่างละเอียด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “ความประมาทเพียงเล็กน้อย” ในโลกคริปโต อาจหมายถึงการสูญเสียทุกอย่าง
ปัญหาหลักคือ
ในยุคนั้น แนวคิดเรื่องการรักษาความปลอดภัยคริปโตยังไม่แพร่หลาย หลายคน—including allinvain—ยังไม่ตระหนักว่าการถือ Private Key คือการถือ “กุญแจชีวิตทางการเงิน” ของตัวเอง
หลังเกิดเหตุ allinvain พยายามทำทุกทางเพื่อไล่ตามรอย Bitcoin ที่ถูกขโมยไป
แต่ในปี 2011 ระบบติดตามธุรกรรมยังไม่พัฒนา และตลาดคริปโตยังเล็กมาก
Bitcoin จำนวนดังกล่าวถูกเทขายและกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย
นี่คือความโหดร้ายของบล็อกเชนในอีกมุมหนึ่ง
ธุรกรรม ย้อนกลับไม่ได้ และไม่มีใครสามารถ “ช่วยคืนเงิน” ให้คุณได้
เหตุการณ์ของ allinvain กลายเป็นหนึ่งในคดีแฮก Bitcoin ครั้งแรก ๆ ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง
และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชุมชนคริปโตเริ่มจริงจังกับเรื่อง
จากวันนั้นเป็นต้นมา ข่าวการแฮกคริปโตไม่ได้หายไปไหน
ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงินส่วนตัว เว็บเทรด หรือแพลตฟอร์ม DeFi
เหตุการณ์ลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจวบจนปัจจุบัน
.
คดี 25,000 BTC ของ allinvain สอนเราชัดเจนว่า ในโลกคริปโต คุณคือธนาคารของตัวเอง และถ้าคุณไม่ปกป้องกุญแจของคุณ ก็ไม่มีใครช่วยคุณได้
บางคนอาจเสียดายแทนว่า “ถ้าเขาเก็บไว้ถึงวันนี้จะรวยแค่ไหน” แต่ในความเป็นจริง บทเรียนที่เขาทิ้งไว้ให้โลกคริปโตนั้น มีมูลค่าไม่แพ้ Bitcoin หลักหมื่นล้านเลยด้วยซ้ำ เพราะในตลาดนี้ กำไรอาจเป็นของคนเก่ง แต่ “ความอยู่รอด” เป็นของคนที่รอบคอบที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก siamblockchain
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!


รายงาน Chainalysis ระบุว่าแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือขโมยคริปโทกว่า 2.02 พันล้านดอลลาร์ ในปีเดียว คิดเป็นเกือบ 60% ของการโจรกรรมคริปโททั่วโลก โดยใช้วิธีโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น ทั้งการแฝงตัวในองค์กรและฟอกเงินผ่านธุรกรรมย่อย กรณีนี้สะท้อนชัดว่า ความเสี่ยงของคริปโทไม่ได้มีแค่ความผันผวนของราคา แต่รวมถึงความปลอดภัยของระบบและมนุษย์ในวงการ นักเทรดจึงต้องกระจายความเสี่ยง และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยควบคู่การเทรดเสมอ

คดีของ มนัส บุญจำนงค์ อดีตฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งหลังถูกตำรวจจับกุมตามหมายจับคดีฉ้อโกงหลอกขายโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล มูลค่าความเสียหายราว 2 ล้านบาท หลังไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลแขวงดอนเมืองตัดสินจำคุก 2 คดี รวมโทษ 2 ปี 9 เดือน ไม่รอลงอาญา และส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คดีนี้สะท้อนชัดว่า ชื่อเสียงในอดีตไม่อาจอยู่เหนือกฎหมาย และความน่าเชื่อถือหากถูกใช้ผิดทาง ย่อมนำไปสู่ผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ตั้งแต่ต้นปี 2025 ตลาดคริปโตกลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมกับการระบาดของมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนและแนบเนียนกว่าเดิม ตั้งแต่หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน แอป–เว็บเทรดปลอม ไปจนถึงการใช้ AI Deepfake แอบอ้างคนใกล้ตัวและหน่วยงานรัฐ กลโกงเหล่านี้อาศัยความโลภ ความเร่งรีบ และความไม่รู้ของนักลงทุนเป็นหลัก โดยเฉพาะในคริปโตและ P2P ที่เงินโอนแล้วไม่สามารถย้อนกลับได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “หยุดเช็คก่อนโอน” ตรวจสอบแพลตฟอร์ม บุคคล และบัญชีทุกครั้ง ผ่านเครื่องมือที่เชื่อถือได้ ปี 2025 ไม่ใช่ปีที่อันตรายเพราะตลาดผันผวน แต่เพราะคนโกงพัฒนาเร็วขึ้น สุดท้าย คนที่อยู่รอดในโลกการลงทุน ไม่ใช่คนที่กล้าเสี่ยงที่สุด แต่คือคนที่ระวังตัวได้ดีที่สุด

ซีรีส์ สาธุ 2 สะท้อนความจริงของโลกคริปโตผ่านแนวคิดเรื่อง Seed Phrase หรือวลีลับ 24 คำ ซึ่งเป็นกุญแจหลักในการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด ไม่ใช่เพียงอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันใด ๆ Seed Phrase คือจุดกำเนิดของ Private Key และเป็นหัวใจของการเป็นเจ้าของคริปโตอย่างแท้จริง กรณีจริง เช่น การพบ Hardware Wallet ในคดีดัง ยิ่งตอกย้ำว่า เงินไม่ได้อยู่ในอุปกรณ์ แต่อยู่บนบล็อกเชน ซีรีส์จึงไม่ได้เล่าเกินจริง แต่เตือนถึง “อิสรภาพทางการเงิน” ที่มาพร้อมความรับผิดชอบสูงสุด หาก Seed Phrase สูญหายหรือรั่วไหล สิทธิในทรัพย์สินอาจหายไปตลอดกาล
FXTM
ATFX
XM
ACCM
eightcap
EC markets
FXTM
ATFX
XM
ACCM
eightcap
EC markets
FXTM
ATFX
XM
ACCM
eightcap
EC markets
FXTM
ATFX
XM
ACCM
eightcap
EC markets