บทคัดย่อ:Momentum Trading เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่ง่ายที่สุด ซึ่งเทรดเดอร์จะทำการซื้อขายสินทรัพย์ตามการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาล่าสุด โดยมีแนวคิดว่าหากราคามีความแข็งแกร่งเพียงพอและเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ราคาก็จะมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางนั้นในระยะเวลาหนึ่ง
การเลือกกลยุทธ์ในการเทรดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นตัวชี้แนะแนวทางในการเทรดและสร้างผลกำไร โดยกลยุทธ์การเทรดมีหลายรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันคือ Momentum Trading ด้วยเหตุนี้ แอดเหยี่ยวจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ Momentum Trading ที่เข้าใจง่าย ภายใน 10 นาทีมาให้แล้วในบทความนี้เลย
Momentum Trading คืออะไร?
Momentum Trading เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดที่ง่ายที่สุด ซึ่งเทรดเดอร์จะทำการซื้อขายสินทรัพย์ตามการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาล่าสุด โดยมีแนวคิดว่าหากราคามีความแข็งแกร่งเพียงพอและเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ราคาก็จะมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางนั้นในระยะเวลาหนึ่ง
การเทรดตามโมเมนตัมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์สามารถใช้เครื่องมืออย่าง Momentum Indicator หรือกลยุทธ์การลงทุนแบบ Momentum เพื่อระบุสินทรัพย์ที่แสดงความแข็งแกร่งในการเคลื่อนไหวของราคา ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น (upside) หรือขาลง (downside) ทำให้สามารถจับทิศทางการเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทรดเดอร์เห็นสัญญาณการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจน ก็จะเข้าสู่ตลาดเพื่อสร้างโมเมนตัมเพิ่มเติม
โดยปกติแล้ว เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์นี้มักเข้าทำการซื้อขายในช่วงกลางของแนวโน้มระยะยาวที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งสร้างแรงดึงดูดให้นักลงทุนรายอื่นๆ เข้ามาร่วมตลาด กลยุทธ์นี้อาศัยกระแสและความรู้สึกกลัวที่จะพลาดโอกาส (Fear of Missing Out - FOMO) เพื่อสร้างแรงผลักดันให้เทรดเดอร์เข้าสู่ตลาดตามแนวโน้มที่เกิดขึ้น นี่เป็นสาเหตุที่กลยุทธ์ Momentum Trading ได้รับความนิยมและมีความแตกต่างจากกลยุทธ์เทรดแบบ Reversal หรือการเทรดแบบย้อนกลับทิศทาง
กลยุทธ์ Momentum Trading และพื้นฐานการวิเคราะห์โมเมนตัม
ในกลยุทธ์ Momentum Trading เทรดเดอร์จะใช้ Momentum Indicator เพื่อวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา และดูว่านักลงทุนรายอื่นจะเข้าสู่ตลาดเพื่อสร้างโมเมนตัมเพิ่มเติมหรือไม่ อินดิเคเตอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ที่กำลังเทรด เช่น ในการเทรดหุ้น เทรดเดอร์อาจใช้ตัวชี้วัดเกี่ยวกับปริมาณ (Volume) เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา ในขณะที่การเทรด Forex ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับกลยุทธ์นี้ เนื่องจากตลาดเปิดทำการ 24 ชั่วโมง เทรดเดอร์มักใช้โรบอทเทรดและอัลกอริทึมเพื่อช่วยจับทิศทางของแนวโน้มที่มีพื้นฐานจากโมเมนตัม
อินดิเคเตอร์ที่ใช้กันบ่อยในการวิเคราะห์โมเมนตัม ได้แก่ Relative Strength Index (RSI) และ Moving Average (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจสภาพของตลาดได้ดีขึ้น เมื่อเทรดเดอร์ใช้กลยุทธ์ Momentum Trading ในตลาด Forex พวกเขามักจะใช้หลายอินดิเคเตอร์ควบคู่กัน เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจ ทั้งการใช้กราฟระยะยาวและการเทรดแบบรายวัน (Day Trade) ก็เป็นวิธีที่นิยมในกลยุทธ์นี้
การใช้ RSI นั้นช่วยให้เทรดเดอร์ระบุได้ว่าตลาดอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ในขณะที่ Moving Average ช่วยติดตามแนวโน้มของตลาด หากราคาเคลื่อนที่เหนือหรือใต้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างมีนัยสำคัญ เทรดเดอร์อาจพิจารณาว่าเป็นสัญญาณของโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง
1.ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์ทำให้ข้อมูลราคาดูราบรื่นขึ้น เพื่อใช้สร้างโมเมนตัมหลังจากการใช้อินดิเคเตอร์ มีประเภทของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายรูปแบบ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) ที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากขึ้น ตัวอย่างที่แสดงอยู่ในกราฟด้านล่างคือการนำเสนอรูปแบบของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสองแบบนี้
ขอบคุณรูปจาก Admirals
กราฟด้านบนแสดงตัวอย่างของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMAs) ที่ช่วงเวลา 20 วัน (ช่วงเวลาอื่นที่นิยมใช้ได้แก่ 10, 50, 100 และ 200 วัน) โดยเทรดเดอร์ระยะสั้น เช่น ผู้ที่ทำ Day Trade มักจะใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ ในการเทรด ขณะที่เทรดเดอร์ระยะยาวจะใช้ช่วงเวลาที่นานขึ้น นี่คือเหตุผลที่กลยุทธ์ Momentum Trading สามารถสร้างกำไรได้มากสำหรับนักลงทุนรายย่อย ขึ้นอยู่กับสไตล์และความชอบของแต่ละคน
แม้ว่ากลยุทธ์ Momentum Trading ส่วนใหญ่จะใช้อินดิเคเตอร์เพียงตัวเดียว แต่บางเทรดเดอร์ก็เลือกใช้หลายอินดิเคเตอร์ควบคู่กันเพื่อความแม่นยำ ตัวอย่างเช่น Moving Average จะช่วยให้เทรดเดอร์ระบุทิศทางของโมเมนตัม ขณะที่ Momentum Oscillator จะช่วยระบุจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ
2.Relative Strength Index (RSI)
RSI เป็นอินดิเคเตอร์ที่พัฒนาโดย เจ เวลล์ส ไวล์เดอร์ และเป็นที่รู้จักในฐานะ Momentum Oscillator โดยมีจุดประสงค์เพื่อวัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา ค่า RSI จะผันผวนระหว่าง 0 ถึง 100 เพื่อตรวจสอบสภาวะของตลาด
สูตรพื้นฐานของ RSI คือ:
RSI = 100 – [100/ (1 + (ค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงราคาขาขึ้น/ค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงราคาขาลง)]
มาดูตัวอย่างของอินดิเคเตอร์ RSI ในภาพกราฟด้านล่าง
ขอบคุณรูปจาก Admirals
ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดด้วยโมเมนตัม (Momentum Trading)
หากคุณสงสัยว่า Momentum Indicator มีอะไรบ้าง เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับอินดิเคเตอร์ยอดนิยม 2 ชนิดที่เทรดเดอร์ใช้ร่วมกันบ่อยครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดและทำกำไร อย่างไรก็ตาม แนวคิดเหล่านี้เป็นเพียงสมมุติฐานตามทฤษฎี และวิธีที่ดีที่สุดในการทดสอบคือการเปิด บัญชีทดลอง เพื่อทดสอบกลยุทธ์และเครื่องมือต่าง ๆ ท้ายที่สุดแล้ว การเทรดมีทั้งโอกาสทำกำไรและขาดทุน ดังนั้น การเรียนรู้และทำความเข้าใจกับผลกระทบทางจิตวิทยาจากทั้งกำไรและขาดทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ตัวอย่างแนวคิดเชิงกลยุทธ์ ได้แก่:
การใช้กลยุทธ์เหล่านี้สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้ดีขึ้น แต่ควรทดสอบกับสถานการณ์จริงเพื่อเรียนรู้ว่ากลยุทธ์นั้นได้ผลหรือไม่ในสภาพตลาดต่าง ๆ
ไฮไลท์สี่เหลี่ยมสีเหลืองในกราฟด้านล่างแสดงให้เห็นถึงหลักการที่ตรงตามกราฟราคา H4 EURUSD:
ขอบคุณรูปจาก Admirals
ขอบคุณข้อมูลจาก Admirals
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ทฤษฎี Loss Aversion แสดงให้เห็นถึงแรงขับทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือในเรื่องการลงทุน การเข้าใจและเอาชนะภาวะนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์ได้ดีขึ้น และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้จัดแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) โดยที่ประชุมเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75%
ถอดคำแถลงการณ์ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ผู้ตัดสินของ SkyLine Guide ครั้งแรกได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยง WikiFX SkyLine Appreciation Dinner ซึ่งในงานนี้ WikiFX ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการก่อตั้ง SkyLine Judge Community ชุมชนมืออาชีพใหม่ที่มีเป้าหมายในการรวบรวมบุคคลชั้นนำจากวงการต่างๆ และขับเคลื่อนการพัฒนาในอนาคต โดยมีคำขวัญว่า "ที่ที่นักเทรดมืออาชีพรวมตัวและเติบโต
Pepperstone
IC Markets Global
FXTM
VT Markets
Vantage
OANDA
Pepperstone
IC Markets Global
FXTM
VT Markets
Vantage
OANDA
Pepperstone
IC Markets Global
FXTM
VT Markets
Vantage
OANDA
Pepperstone
IC Markets Global
FXTM
VT Markets
Vantage
OANDA