บทคัดย่อ:บทความนี้นำเสนอเทคนิคการเทรด Pullback และ Throwback ซึ่งช่วยให้การทำกำไรในการเทรดง่ายขึ้น โดย Pullback หมายถึงการที่ราคาทะลุแนวรับแล้วกลับขึ้นมาทดสอบแนวรับเดิมก่อนจะปรับตัวลงต่อ ทำให้แนวรับเดิมกลายเป็นแนวต้าน มักพบในช่วงแนวโน้มขาลง ในขณะที่ Throwback คือการที่ราคาทะลุแนวต้านขึ้นไปแล้วกลับลงมาทดสอบแนวต้านเดิมก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อไป ทำให้แนวต้านกลายเป็นแนวรับ มักพบในช่วงแนวโน้มขาขึ้น เทคนิคเหล่านี้สามารถนำมาใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น Fibonacci หรือ Demand Supply เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อหรือขายตามแนวโน้มของตลาดได้
วันนี้แอดเหยี่ยวจะพานักเทรดมาทำความรู้จักกับเทคนิค Pullback และ Throwback ที่ช่วยให้การเทรดทำกำไรได้ง่ายขึ้น ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจความหมายและวิธีดู Pullback กับ Throwback กันก่อน ทั้งสองคือการที่ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านเดิมไปแล้วกลับมาทดสอบอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้แนวรับกลายเป็นแนวต้าน หรือแนวต้านกลายเป็นแนวรับ ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการวิเคราะห์เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อหรือขายได้ ไปเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
Pullback
Pullback (PB) คือการที่ราคาทะลุเส้นแนวรับลงมา แล้วกลับขึ้นไปทดสอบแนวรับที่จุดเดิม ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไป ทำให้แนวรับเดิมซึ่งเคยเป็นจุดรับราคากลายเป็นแนวต้าน ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง
Throwback
Throwback (TB) เป็นสถานการณ์ตรงข้ามกับ Pullback โดยเกิดขึ้นเมื่อราคาสามารถทะลุเส้นแนวต้านขึ้นไปได้ จากนั้นราคาจะกลับลงมาทดสอบแนวต้านที่เดิมก่อนจะขึ้นต่อไป ซึ่งแนวต้านเดิมนั้นจะกลายเป็นแนวรับในภายหลัง ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
ประโยชน์ของ PB/TB
Pullback และ Throwback สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อช่วยในการเทรดได้ เช่น Fibonacci หรือแนวรับแนวต้าน โดยในเชิงเทคนิค เราจะรู้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาเป็น Pullback หรือ Throwback เมื่อราคายังไม่สามารถทะลุแนวต้านหรือแนวรับเดิมได้ ซึ่งจังหวะนี้สามารถเป็นโอกาสในการทำกำไรในการเทรดได้
ในกรณีของแนวโน้มขาลง เราสามารถทำกำไรได้โดยรอให้ราคาดีดตัวขึ้นมาที่ระดับ Pullback เพื่อหาจังหวะในการ Sell ในทางตรงกันข้าม หากเป็นแนวโน้มขาขึ้น เมื่อราคากลับลงมาที่ Throwback เราสามารถหาจังหวะ Buy เพื่อเข้าตามแนวโน้มเดิม
นอกจากนี้ Pullback และ Throwback ยังสามารถนำมาพิจารณาร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรดได้ ตัวอย่างเช่น ในการเทรดแบบ Demand Supply ของทางบราโว่ ก็จะใช้ Pullback และ Throwback เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ร่วมด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาจก bravotradeacademy
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
การเลือกโบรกเกอร์เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเทรด Forex มือโปรเน้น 5 ปัจจัยหลัก: ใบอนุญาตและการกำกับดูแลเพื่อความน่าเชื่อถือ, ค่าธรรมเนียมและสเปรดที่เหมาะสม, ความเร็วและความเสถียรของการส่งคำสั่ง, เครื่องมือและแพลตฟอร์มการเทรดครบครัน, และบริการลูกค้าที่ตอบเร็วและมืออาชีพ การตรวจสอบชื่อเสียงโบรกเกอร์ เช่น ผ่าน WikiFX จะช่วยปกป้องเงินทุนและเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะยาว
RSI เป็นอินดิเคเตอร์โมเมนตัมที่บอกว่าตลาดอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ค่าจะอยู่ระหว่าง 0–100 โดยทั่วไป RSI >70 แสดงสัญญาณ Overbought และ RSI <30 แสดง Oversold เทรดเดอร์ใช้ RSI เพื่อจับจังหวะกลับตัว ดู Divergence และยืนยันแนวโน้มร่วมกับเทรนด์ไลน์ แม้ทรงพลัง แต่ RSI อาจให้สัญญาณหลอกในตลาด Sideway จึงควรใช้ควบคู่กับเครื่องมืออื่น
FXTM
IB
IC Markets Global
Saxo
FOREX.com
D prime
FXTM
IB
IC Markets Global
Saxo
FOREX.com
D prime
FXTM
IB
IC Markets Global
Saxo
FOREX.com
D prime
FXTM
IB
IC Markets Global
Saxo
FOREX.com
D prime