บทคัดย่อ:บทความนี้นำเสนอความสำคัญของการจัดการการเงินในตลาด Forex โดยเฉพาะการจัดการขนาดความเสี่ยงหรือ Position Sizing ซึ่งช่วยนักเทรดกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อลดความเสียหายและสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน โดยมีขั้นตอนการคำนวณขนาด Position ที่ประกอบด้วยการกำหนดจุด Stop Loss ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ขนาด Lot และการคำนวณ Lot Size การทำ Position Sizing ช่วยให้นักเทรดควบคุมความเสี่ยงและสร้างกำไรอย่างมีประสิทธิภาพในตลาดที่ผันผวน
สวัสดีนักเทรดทุกท่าน! วันนี้แอดเหยี่ยวจะพามาทำความรู้จักกับศาสตร์แห่งการจัดการการเงิน หรือ Money Management ซึ่งมีองค์ประกอบหลากหลายรวมกันเพื่อช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญคือ Risk Management ซึ่งครอบคลุมหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาดการลงทุน ความน่าจะเป็น โอกาส และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Risk Reward Ratio)
สำหรับวันนี้ แอดเหยี่ยวจะขอเน้นเฉพาะในส่วนของ Position Sizing หรือการจัดการขนาดความเสี่ยงที่จะลงทุน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้พอร์ตการลงทุนของนักเทรดสามารถทนต่อความผันผวนในช่วงที่พอร์ตเจอกับ Drawdown ได้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเทรดของทุกคนครับ!
.
Position Sizing คืออะไร?
Position Sizing เป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักในการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) สำหรับการเทรด Forex โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อคำนวณขนาดการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง ช่วยจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรด เหมือนกับการเล่นเกมที่ต้องวางเดิมพันเงิน ถ้าทุ่มเงินทั้งหมดในครั้งเดียวแล้วพลาด ก็อาจจะเสียหายจนเกมต้องจบลง แต่หากแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ แล้วเล่นอย่างระมัดระวัง ก็จะมีโอกาสอยู่รอดในเกมได้ยาวนานขึ้น
การเทรดโดยไม่คำนวณขนาด Position ของการลงทุนจะทำให้มีความเสี่ยงสูงเกินไป และยากที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว เนื่องจาก Position Sizing จะช่วยควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ให้การเติบโตของพอร์ตเป็นไปอย่างมั่นคง เป็นการเทรดที่เน้นความรอบคอบ แตกต่างจากการเสี่ยงโชคซึ่งมักมีการแกว่งตัวของพอร์ตที่รุนแรง
ความแตกต่างระหว่าง Money Management และ Position Sizing
นักเทรดบางคนอาจสงสัยว่า Money Management กับ Position Sizing นั้นเหมือนกันหรือไม่ จริงๆ แล้ว ทั้งสองอย่างนี้ต่างกัน แต่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
ดังนั้น แม้ว่า Position Sizing จะเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งในแผนการบริหารเงินทุน แต่ก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้นักเทรดรักษาเสถียรภาพของพอร์ตและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรดแต่ละครั้ง
.
ขั้นตอนการคำนวณขนาด Position Size ที่เหมาะสม
การทำ Position Sizing เป็นกระบวนการสำคัญในการจัดการความเสี่ยง โดยการคำนวณขนาด Position ที่เหมาะสมจะช่วยให้ความเสี่ยงของแต่ละออเดอร์สอดคล้องกับข้อกำหนดของระบบเทรดของเรา เพื่อให้เข้าใจวิธีการคำนวณ Position Size อย่างถูกต้อง เราจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนดังนี้:
ขั้นตอนแรกของการคำนวณ Position Size คือการกำหนดจุด Stop Loss ซึ่งคือระดับราคาที่คุณจะออกจากการเทรดหากราคาตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับตำแหน่งที่เปิดไว้ การเลือกจุด Stop Loss ควรพิจารณาตามการวิเคราะห์ตลาด ไม่ใช่ตามขนาด Position ที่จะเปิด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดร้ายแรงที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เกินควบคุม
ในกรณีของ Forex ระยะของ Stop Loss สามารถวัดได้ในหน่วย pips โดยตัวอย่างเช่น:
เมื่อทราบจุด Stop Loss แล้ว ก็สามารถนำไปใช้ในการคำนวณขนาด Position ที่เหมาะสมต่อไป
ในขั้นตอนนี้ เทรดเดอร์จะต้องถามตัวเองว่า “เรายอมรับการขาดทุนได้เท่าไหร่ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง?” การกำหนดระดับความเสี่ยงนี้จะช่วยให้คุณควบคุมการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม โดยปกติแล้ว เทรดเดอร์มักกำหนดความเสี่ยงเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดพอร์ต เช่น:
ความเสี่ยงที่แตกต่างกันจะส่งผลให้ผลลัพธ์และเสถียรภาพของพอร์ตแตกต่างกันตามไปด้วย หากคุณเลือกความเสี่ยงที่สูง โอกาสในการสร้างผลตอบแทนก็อาจมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงในการขาดทุนก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น เทรดเดอร์ควรพิจารณาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมตามเป้าหมายและสไตล์การเทรดของตนเอง
ขนาดพอร์ต | 1% | 3% | 5% |
$ 100,000 | $ 1,000 | $ 3,000 | $ 5,000 |
$ 500,000 | $ 5,000 | $ 15,000 | $ 25,000 |
$ 1,000,000 | $ 10,000 | $ 30,000 | $ 50,000 |
$ 2,500,000 | $ 25,000 | $ 75,000 | $ 125,000 |
ในการเทรด Forex ขนาดของ Position Size จะถูกกำหนดเป็นจำนวน Lots โดยแต่ละประเภท Lot จะมีค่า Pip ที่แตกต่างกัน ซึ่งค่า Pip คือจำนวนเงินที่เปลี่ยนแปลงตามความผันผวนของราคาตลาดในแต่ละหน่วย (pip) ขนาด Lot ในการเทรดจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:
เมื่อเลือกประเภท Lot ในการเทรด เทรดเดอร์สามารถกำหนดขนาดของ Position ได้ตามความเหมาะสม เช่น การเทรด 10 Micro Lots จะเทียบเท่ากับ 1 Mini Lot และการเทรด 10 Mini Lots จะเทียบเท่ากับ 1 Standard Lot
การตรวจสอบค่า Pip ในคู่สกุลเงินต่างๆ
นอกจากนี้ ค่า Pip จะแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงิน เช่น คู่เงิน EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD เป็นต้น เทรดเดอร์สามารถใช้เว็บไซต์เช่น mataf.net เพื่อตรวจสอบค่า Pip ที่แม่นยำสำหรับแต่ละคู่สกุลเงิน โดยค่า Pip ที่แสดงนี้จะช่วยให้คุณคำนวณ Position Size ได้แม่นยำขึ้นตามสกุลเงินที่คุณกำลังเทรด
Step 4: คำนวณ lot size
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ตรงนี้ให้เรานำขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าว มาหาขนาด lot ที่จะเปิด โดยใช้สูตร
(ความเสี่ยงต่อการเทรด) / (Stop Loss ในหน่วย pips) = จำนวน Mini Lots (ใช้ Mini เพราะ 1 pip = $1)
ยกตัวอย่างเช่น:
นั่นหมายความว่า คุณควรเปิด 0.8 Mini Lots หรือ 8 Micro Lots นั่นเองครับ
เห็นไหมละครับว่า ไม่ยากเลย เพียง 4 ขั้นตอนก็สามารถคำนวณหา Position size ในการเทรดได้แล้ว ลองนำหลักการดังกล่าวไปใช้ เพื่อให้การเทรดของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปกันนะครับ
สรุป
การทำ Position Sizing คือการคำนวณขนาดที่เหมาะสมของแต่ละออเดอร์ เพื่อให้ความเสี่ยงของพอร์ตอยู่ในระดับที่คงที่ ช่วยควบคุมการขาดทุนให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมและมีโอกาสสร้างกำไรตามระบบเทรดที่วางไว้ นอกจากนี้ Position Sizing ยังเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการการเงิน ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการเทรดอย่างมั่นคงในตลาดที่มีความผันผวน
ขอบคุณข้อมูลจาก forexthai
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงประเด็นสำคัญที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนต้องจำในระหว่างการเลือกตั้งสหรัฐฯ เราจะพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นพิเศษ เริ่มกันเลย
บทวิเคราะห์ทองคำ
ทั้งการเทรด Forex แบบสปอตและฟิวเจอร์สสกุลเงินเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเก็งกำไรและป้องกันความเสี่ยงในตลาดสกุลเงิน อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex แบบสปอตดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่า เนื่องจากมีการเข้าถึงตลาดที่ง่ายกว่าและเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำกว่า ในขณะที่ฟิวเจอร์สสกุลเงินมีต้นทุนการซื้อขายที่สูงขึ้น และนักลงทุนต้องเผชิญกับค่าธรรมเนียมและความเสี่ยงในการเรียกมาร์จิ้น การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและความพร้อมของนักเทรดแต่ละคน
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นในเดือนตุลาคม โดยดัชนีของ The Conference Board ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 11% แม้ว่าตำแหน่งงานว่างจะลดลงต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2021 ผู้บริโภคแสดงมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน แม้จำนวนตำแหน่งงานว่างในเดือนกันยายนจะลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ของวอลล์สตรีท และลดลงถึง 7.44 ล้านตำแหน่ง รายงานยังชี้ให้เห็นว่าอัตราการลาออกคงที่แม้ตำแหน่งงานว่างจะลดลง แต่อัตราการจ้างงานกลับเพิ่มขึ้น