บทคัดย่อ:บทความนี้เปิดเผยด้านมืดของโปรเจกต์ Shiba Inu (SHIB) โดยแหล่งข่าววงในชี้ว่าผู้สร้างดั้งเดิมถูกละเลยและโลโก้ถูกนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับเครดิต การบริหารงานของผู้นำปัจจุบันอาจขาดความโปร่งใส ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน แม้ SHIB จะมีมูลค่าตลาดสูงและถูกมองว่าเป็นเหรียญมีมชั้นนำ นักเทรดจึงควรระมัดระวังและพิจารณาเบื้องหลังโปรเจกต์ก่อนตัดสินใจลงทุน

วันนี้อยากมาเล่าเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงในวงการคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะสำหรับสาย เทรด คริปโต ที่กำลังจับตามองเหรียญมีมชื่อดังอย่าง Shiba Inu (SHIB)
แม้หลายคนจะรู้จัก SHIB ในฐานะ “Dogecoin Killer” และเป็นมีมคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก (รองจาก DOGE) แต่เบื้องหลังกลับมี “ด้านมืด” ที่หลายคนไม่เคยรู้ และตอนนี้เริ่มถูกเปิดโปงออกมาโดย “วงใน” ที่เคยอยู่ในโปรเจกต์ตั้งแต่ยุคแรกๆ
หนึ่งในแหล่งข่าวคือ Martin ที่เคยเป็นกระบอกเสียงหลักของชุมชน SHIB ในไทย และ Sveinn ดีไซเนอร์ที่ออกแบบโลโก้ SHIB ที่เราเห็นกันทุกวันนี้ พวกเขาเล่าว่า เดิมทีโปรเจกต์นี้เริ่มจากความตั้งใจสร้างคอมมูนิตี้จริงๆ มีการทำกิจกรรมในไทย เช่น Shibainu Cafe และแม้กระทั่ง ซอส Shibasco ที่ตั้งใจให้เป็นคู่แข่ง Tabasco เลยทีเดียว
แต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมีบุคคลปริศนาที่เรารู้จักกันในชื่อ Shytoshi Kusama ก้าวเข้ามามีบทบาทใน Ecosystem จนขึ้นมาเป็นผู้นำทีมหลักในปัจจุบัน
Martin และ Sveinn ออกมาแฉว่า โลโก้ SHIB ที่พวกเขาร่วมกันสร้าง ถูก Shytoshi และทีม “นำไปใช้เชิงพาณิชย์” ทั้งในโปรเจกต์คริปโตและกิจกรรมอื่นๆ โดยไม่ได้ให้เครดิตหรือการสนับสนุนแก่ผู้สร้างดั้งเดิมเลย
กรณีนี้ร้ายแรงถึงขั้นมีการจด Trademark ในหลายประเทศ และแม้แต่ตำรวจสากลก็เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะอาจเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์และการแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่โปร่งใส
ข้อมูลจากวงในบอกว่า Shytoshi ไม่ได้เป็นนักพัฒนาที่แท้จริง แต่เป็น “วัยรุ่นคีย์บอร์ด” ที่เข้ามาทีหลังและค่อยๆ ยึดอำนาจในคอมมูนิตี้จนกลายเป็นผู้นำในปัจจุบัน พวกเขามองว่าตัวตนของ Shytoshi ถูกบูชามากเกินไป ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้มีความตั้งใจสร้างสรรค์เหมือนทีมดั้งเดิม
เพราะทุกวันนี้ Shiba Inu ไม่ใช่เหรียญเล็กๆ อีกต่อไป แต่มี มูลค่าตลาดกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ อยู่ใน Top 15 ของโลก และเป็นเหรียญมีมที่มีการใช้งานจริงมากที่สุด ถ้าเบื้องหลังของโปรเจกต์นี้มีปัญหาด้านการบริหาร ความโปร่งใส และข้อพิพาทด้านสิทธิ์ มันย่อมส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นักเทรดคริปโตจำนวนมากกำลังตั้งคำถามว่า Shiba Inu กำลังกลายเป็น “Pyramid Scam” รูปแบบใหม่หรือไม่
Martin และ Sveinn เชื่อว่า โปรเจกต์ SHIB ยังมีศักยภาพหากได้รับการปรับโครงสร้างใหม่ แต่ตราบใดที่ Shytoshi ยังอยู่ในตำแหน่งผู้นำ ปัญหาเรื่อง “ความโปร่งใส” ก็จะยังคงอยู่
พวกเขาเสนอว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทีมพัฒนาและนำคนที่มีคุณภาพเข้ามาบริหาร Shiba Inu อาจกลับมาเป็นโปรเจกต์ที่มีอนาคตสดใสยิ่งกว่านี้
ในฐานะคนที่เฝ้าดูวงการนี้มานาน แอดเหยี่ยวอยากบอกว่า การ เทรด คริปโต ไม่ใช่แค่ดูราคา หรือกราฟสวยๆ เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจ “เบื้องหลังโปรเจกต์” ด้วย เพราะเบื้องหลังที่ไม่โปร่งใสอาจทำให้เหรียญที่ดูดี กลายเป็นหลุมพรางขนาดใหญ่ได้
สำหรับใครที่กำลังถือ SHIB หรือคิดจะลงทุน อย่าลืมใช้วิจารณญาณให้มาก เพราะในโลกคริปโต… ไม่ใช่ทุกเหรียญที่เกิดมาเพื่อเปลี่ยนโลก บางเหรียญอาจเกิดมาเพื่อเปลี่ยนพอร์ตคุณให้เหลือศูนย์
ขอบคุณข้อมูลจาก siamblockchain
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!


กรณีพบ Ledger Nano ในคดี “นานา ไรบีนา” ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าอุปกรณ์ถูกยึดเท่ากับเงินถูกยึด แต่ความจริงสินทรัพย์ดิจิทัลไม่อยู่ในตัวเครื่อง แต่อยู่ที่ Seed Phrase ซึ่งผู้ถือสามารถนำไปกู้คืนกระเป๋าได้จากที่ไหนก็ได้ในโลก ข้อมูลบนบล็อกเชนตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่จะยึดคืนไม่ได้หากไม่มี Private Key คดีนี้ชี้ชัดว่า ความปลอดภัยของคริปโตขึ้นอยู่กับการเก็บรักษา Seed Phrase มากกว่าอุปกรณ์ นักเทรดทั้งคริปโตและ Forex จึงต้องมีวินัยในการปกป้องกุญแจเหล่านี้ให้รัดกุมที่สุด.

เหตุการณ์แฮ็กครั้งใหญ่ของ Upbit ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่า 36.8 ล้านดอลลาร์ถูกขโมยจาก Hot Wallet บนเครือข่าย Solana แม้ความเสียหายสูง แต่ระบบตรวจจับของ Upbitช่วยย้ายสินทรัพย์ส่วนใหญ่สู่ Cold Wallet ได้ทันเวลา ทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เหตุการณ์นี้ตอกย้ำหลักการสำคัญของโลกคริปโตว่า “Not your keys, not your coins” พร้อมชี้ให้เห็นข้อดี–ข้อเสียของการเก็บเหรียญบนกระดานเทรดเทียบกับ Cold Wallet และสรุปว่าการกระจายความเสี่ยงระหว่างสองวิธีคือแนวทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักลงทุน

รายงานของ French Hill เปิดเผยว่าธุรกิจคริปโตในสหรัฐฯ ถูกจำกัดการเข้าถึงบริการธนาคารอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายสตาร์ทอัพปิดตัวหรือย้ายฐาน แต่ในปี 2025 กฎเกณฑ์ใหม่ เช่น กฎหมายควบคุม Stablecoin และกฎหมายกำกับตลาดดิจิทัล ทำให้ธุรกิจคริปโตกลับเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น นักลงทุนมั่นใจขึ้น และสถาบันการเงินเริ่มกลับมาให้บริการอีกครั้ง นโยบายชัดเจนขึ้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตคริปโตอย่างมั่นคงในสหรัฐฯ

บทความนี้อธิบายปรากฏการณ์ที่ Bitcoin พุ่งเข้าใกล้ระดับราคา $100,000 ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวเลขทางเทคนิค แต่เป็น “กำแพงทางจิตวิทยา” ที่สร้างแรงซื้อ แรงขาย และแรง FOMO พร้อมกัน เหมือนระดับราคาจิตวิทยาในตลาด Forex เช่น EUR/USD 1.2000 หรือทองคำ 2,000 ดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ Round Number Bias ของมนุษย์ แรงขายจากนักลงทุนที่ตั้งเป้าทำกำไร สื่อกระแสหลักที่กระตุ้น FOMO และกลไก Max Pain ในตลาดออปชัน บทความชี้ว่า การเข้าใจจิตวิทยาตลาดมีความสำคัญไม่แพ้เทคนิค โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาเข้าใกล้ระดับสำคัญ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทั้งนักเทรด Forex และนักเทรดคริปโตในการวางแผนเทรดและจัดการความเสี่ยงอย่างมีสติ
AVATRADE
HFM
IC Markets Global
XM
FXTM
D prime
AVATRADE
HFM
IC Markets Global
XM
FXTM
D prime
AVATRADE
HFM
IC Markets Global
XM
FXTM
D prime
AVATRADE
HFM
IC Markets Global
XM
FXTM
D prime