บทคัดย่อ:ปฏิบัติการ “Operation Copperhead” เปิดโปงเครือข่ายเหมืองบิตคอยน์ผิดกฎหมายที่แอบใช้ไฟฟ้าหลวงกว่า 3 ปี สร้างความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเครื่องขุด 3,642 เครื่อง มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งถูกซ่อนไว้ในคอนเทนเนอร์ดัดแปลงพร้อมระบบหล่อเย็นด้วยน้ำเพื่อพรางการตรวจสอบ การสืบสวนพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเทาและแก๊งสแกมเมอร์ในเมียนมาที่ใช้เหมืองเป็นช่องทางฟอกเงินหมุนเวียนระดับหลายพันล้านบาท รัฐบาลสั่งขยายผล ยึดทรัพย์ และร่วมมือข้ามแดนเพื่อทำลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดใหญ่ครั้งนี้.

วันนี้แอดเหยี่ยวขอพาทุกคนไปติดตามหนึ่งในคดีใหญ่ที่สร้างแรงสะเทือนทั้งวงการคริปโตและสายปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ เมื่อรัฐบาลเปิดปฏิบัติการ “Operation Copperhead” บุกทลายเหมืองขุดบิตคอยน์เถื่อนระดับประเทศ ที่ซ่อนตัวเงียบ ๆ มานานกว่า 3 ปี แต่สร้างความเสียหายให้รัฐมหาศาลถึง 3,000 ล้านบาท จากการลักใช้ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ
ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมกำลังจาก DSI และ กฟภ. เจ้าหน้าที่ได้บุกตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุดใน จ.สมุทรสาคร และอุทัยธานี ก่อนพบเครื่องขุดบิตคอยน์จำนวนมหาศาลถึง 3,642 เครื่อง รวมมูลค่าอุปกรณ์ทั้งระบบกว่า 300 ล้านบาท
เครือข่ายนี้ไม่ได้เป็นเพียงการขุดบิตคอยน์ผิดกฎหมายธรรมดา แต่เป็น “โรงงานอาชญากรรมไซเบอร์” ที่ถูกวางระบบไว้อย่างแนบเนียนและมืออาชีพสุดขีด
สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่อึ้งที่สุด คือความซับซ้อนของการพรางตัว
เครื่องขุดทั้งหมดถูกซุกไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ดัดแปลง เก็บเสียงจนแทบไม่มีใครได้ยินผิดสังเกต และแทนที่จะใช้พัดลมระบายความร้อนแบบเหมืองทั่วไป พวกเขาใช้ ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้ไม่มีเสียง ไม่มีความร้อนสูงผิดปกติ และไม่กระตุกเรดาร์ของเจ้าหน้าที่เลยตลอด 3 ปี
ทั้งหมดนี้เพื่ออำพรางการลักลอบเชื่อมไฟฟ้าหลวง ใช้ไฟฟรีคืนละหลายแสนหน่วย
หลังสืบสวนลึกลงไป ทีมงานพบความเชื่อมโยงกับกลุ่ม “ทุนจีนเทา” ที่หลายคนคุ้นชื่อกันดี กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์–สแกมเมอร์ในเมียนมา และใช้เหมืองบิตคอยน์เป็นช่องทาง ฟอกเงินและหมุนผลประโยชน์จากการหลอกลวงออนไลน์
ประเมินมูลค่าการเงินภายในเครือข่ายนี้สูงกว่า 5,000 ล้านบาท
แอดเหยี่ยวนี่ถึงกับต้องขยี้ตาดูซ้ำ เพราะนี่คือระดับเงินหมุนที่เทียบชั้นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเลยทีเดียว
นายอนุทินประกาศชัดว่า รัฐบาลจะเดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจัง ทั้งการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยึดทรัพย์ และจับมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อตัดวงจรเครือข่ายจีนเทาและสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
สำหรับแอดเหยี่ยวแล้ว นี่ไม่ใช่แค่คดีขุดเหมืองผิดกฎหมาย แต่เป็นตัวอย่างชัดเจนของการที่เทคโนโลยีถูกใช้ในอาชญากรรมระดับสูง และสะท้อนให้เห็นว่ารัฐต้องเร่งพัฒนาระบบปราบปรามไซเบอร์ให้ทันกับผู้ร้ายยุคใหม่
แอดเหยี่ยวจะคอยตามเรื่องนี้ให้ทุกคนอย่างใกล้ชิด หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะรีบนำมาอัปเดตทันทีครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก DSI
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!


กรณีพบ Ledger Nano ในคดี “นานา ไรบีนา” ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าอุปกรณ์ถูกยึดเท่ากับเงินถูกยึด แต่ความจริงสินทรัพย์ดิจิทัลไม่อยู่ในตัวเครื่อง แต่อยู่ที่ Seed Phrase ซึ่งผู้ถือสามารถนำไปกู้คืนกระเป๋าได้จากที่ไหนก็ได้ในโลก ข้อมูลบนบล็อกเชนตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่จะยึดคืนไม่ได้หากไม่มี Private Key คดีนี้ชี้ชัดว่า ความปลอดภัยของคริปโตขึ้นอยู่กับการเก็บรักษา Seed Phrase มากกว่าอุปกรณ์ นักเทรดทั้งคริปโตและ Forex จึงต้องมีวินัยในการปกป้องกุญแจเหล่านี้ให้รัดกุมที่สุด.

บทความนี้อธิบายความเสี่ยงของ “แชร์ลูกโซ่” ที่มักล่อลวงนักเทรดมือใหม่ในตลาด Forex ด้วยผลตอบแทนสูงเกินจริง ขาดความโปร่งใส และเน้นการชวนคนเพิ่ม ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนจริงที่ตรวจสอบได้ มีใบอนุญาต และไม่สามารถการันตีผลตอบแทน 100% พร้อมสัญญาณเตือนสำคัญและวิธีป้องกัน เช่น ตรวจสอบโบรกเกอร์ ตั้งคำถามกับข้อเสนอที่ดีเกินจริง และเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนเล็ก การทำความเข้าใจความต่างระหว่างแชร์ลูกโซ่กับการลงทุนจริงจะช่วยให้นักเทรดป้องกันความเสี่ยง และเทรด Forex ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

เหตุการณ์แฮ็กครั้งใหญ่ของ Upbit ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่า 36.8 ล้านดอลลาร์ถูกขโมยจาก Hot Wallet บนเครือข่าย Solana แม้ความเสียหายสูง แต่ระบบตรวจจับของ Upbitช่วยย้ายสินทรัพย์ส่วนใหญ่สู่ Cold Wallet ได้ทันเวลา ทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เหตุการณ์นี้ตอกย้ำหลักการสำคัญของโลกคริปโตว่า “Not your keys, not your coins” พร้อมชี้ให้เห็นข้อดี–ข้อเสียของการเก็บเหรียญบนกระดานเทรดเทียบกับ Cold Wallet และสรุปว่าการกระจายความเสี่ยงระหว่างสองวิธีคือแนวทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักลงทุน

บทความนี้กล่าวถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในยุคดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะนักเทรด Forex ที่ต้องทำธุรกรรมออนไลน์เป็นประจำ ท่ามกลางภัยฉ้อโกงรูปแบบใหม่ที่พัฒนาด้วย AI เช่น ข้อความปลอม ลิงก์ปลอม และการหลอกให้กดยืนยันธุรกรรมเอง ซึ่งเป็นสาเหตุความเสียหายมหาศาลในประเทศไทย ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าจุดอ่อนสำคัญคือ “ผู้ใช้” ไม่ใช่ระบบ จึงเน้นย้ำว่านักเทรดต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูล การตรวจสอบความถูกต้องของช่องทางต่าง ๆ และตระหนักว่าในโลกออนไลน์ ความอยู่รอดสำคัญไม่แพ้ความสามารถในการเทรด.
octa
IC Markets Global
D prime
VT Markets
GTCFX
JustMarkets
octa
IC Markets Global
D prime
VT Markets
GTCFX
JustMarkets
octa
IC Markets Global
D prime
VT Markets
GTCFX
JustMarkets
octa
IC Markets Global
D prime
VT Markets
GTCFX
JustMarkets