บทคัดย่อ:บทความนี้สรุปวิกฤติที่เกิดกับแอน จักรพงษ์ ซึ่งจากเดิมเป็นผู้บริหารสื่อชื่อดัง กลับต้องเผชิญหมายจับ คดีฉ้อโกง 30 ล้านบาท ข้อกล่าวหางบการเงินเท็จ การผิดนัดชำระหุ้นกู้ และกระแสข่าวโยกเงินคริปโตกว่า 6,000 ล้านบาท วิกฤติเหล่านี้ทำให้บริษัท JKN ที่เคยรุ่งเรืองเข้าสู่ภาวะล่มสลายต่อเนื่อง พร้อมส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้ถือหุ้นกู้ พนักงาน และความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญด้านธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการในตลาดทุนไทยยุคใหม่

ภาพจำของ “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เคยผูกติดอยู่กับความหรูหรา ความสำเร็จ และความกล้าท้าทายตลาดสื่อไทย แต่ในปลายปี 2568 ชื่อของเธอกลับถูกเชื่อมโยงกับ หมายจับ, เงินคริปโต 6,000 ล้านบาท, งบการเงินเท็จ, หุ้นกู้ผิดนัดชำระ, และ ข้อกล่าวหาโกงร่วม 30 ล้านบาท วิกฤตรอบใหม่ที่เกิดขึ้นไม่เพียงพังภาพลักษณ์ส่วนบุคคล แต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงตลาดทุนไทยในวงกว้าง นี่คือเส้นทาง “จากเรืองรองสู่ร่วงโรย” ที่ต้องบันทึกไว้เป็นกรณีศึกษา…
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ศาลแขวงพระนครใต้มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีฉ้อโกงมูลค่า 30 ล้านบาท ที่ผู้เสียหายกล่าวหาว่า ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อหุ้นกู้ของบริษัท JKN ทั้งที่ผู้บริหารรู้ว่าบริษัทไม่มีความสามารถชำระหนี้
แต่เมื่อถึงเวลา แอน จักรพงษ์ ไม่มาศาล ไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลจึงมีคำสั่งชัดเจน ออกหมายจับเพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษา และให้ปรับผู้ค้ำประกัน “เต็มจำนวน” พร้อมคำบังคับชำระภายใน 15 วัน
นี่คือสัญญาณแรกว่าปัญหาไม่ใช่แค่ “วิกฤติธุรกิจ” แต่เริ่มลุกลามสู่มิติ อาญา ที่ซับซ้อนกว่าเดิมมาก
ก่อนหมายจับเพียงไม่กี่วัน สังคมได้ยินข่าวสะพัดว่า
แอนได้รับความช่วยเหลือจาก “ราอูล โรชา คานตู” ประธาน MUO คนปัจจุบัน เพื่อขอสัญชาติเม็กซิกัน และแปลงเงินเป็นคริปโตมูลค่าถึง 6,000 ล้านบาท ก่อนเดินทางออกจากประเทศ
พร้อมกับการปิดอินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามกว่า 6.6 ล้านคน
ภาพของการ “ตัดตัวตนทิ้ง” ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แม้ข้อมูลบางส่วนยังเป็นเพียงกระแส แต่ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศไม่ไว้วางใจหนักขึ้นท่ามกลางผู้ลงทุนหลายพันรายที่กำลังรอชะตากรรมของบริษัท
ในวันที่ซื้อกิจการ Miss Universe Organization มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 800 ล้านบาท)
JKN เคยเป็นเหมือน “ดาวรุ่งตลาดทุน” ที่ราคาหุ้นพุ่งจาก 8 บาทไปแตะ 16 บาทในเวลาไม่นาน
แต่ความสำเร็จนั้นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา
ก.ล.ต. ตรวจพบความผิดปกติมากมาย ทั้ง
บทลงโทษตามมากว่า 4.12 ล้านบาท และห้ามเป็นกรรมการ 56 เดือน
นี่คือภาพสะท้อนสำคัญว่าโครงสร้างการเงินของบริษัทอาจมีปัญหารากลึกมาตั้งแต่ต้น
กรณีแอน จักรพงษ์ ทำให้ตลาดทุนไทยต้องกลับมาตั้งคำถามเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าระบบกำกับดูแลอ่อนแอเกินไปหรือไม่? เพราะนี่ไม่ใช่คดีแรกที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนถูกตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรง ก่อนที่ผู้ถือหุ้นกู้และรายย่อยจะเป็นฝ่ายรับชะตากรรม
สำหรับเจ้าหนี้ แม้โครงสร้างฟื้นฟูกิจการยังเดินต่อได้โดยผู้บริหารแผน แต่ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นมหาศาล
กรณีของแอน จักรพงษ์เป็นภาพสะท้อนชัดเจนว่า แบรนด์ส่วนตัวที่แข็งแรง ไม่อาจชดเชยพื้นฐานทางการเงินที่อ่อนแอได้ และความโปร่งใสคือทรัพยากรที่ตลาดทุนยืมจากสังคม ซึ่งคืนได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการกระทำของบริษัทและผู้บริหารเท่านั้น
ตลาดทุนไทยจำเป็นต้องเข้มแข็งกว่านี้ หน่วยงานกำกับดูแลต้อง “เร็วกว่า” ธุรกิจที่กำลังพุ่งแรง และผู้ลงทุนต้องระวังอิทธิพลของภาพลักษณ์ที่อาจบดบังความจริง
คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของบุคคลหนึ่ง หรือบริษัทหนึ่ง แต่มันคือบททดสอบความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทยทั้งระบบ และเป็นสัญญาณเตือนว่า การลงทุนในยุคนี้ต้องใช้ทั้ง “ข้อมูลจริง” และ “สติ” มากกว่าที่เคย เส้นทางของแอน จักรพงษ์จากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุด ช่างเป็นบทเรียนที่ถูกจดจำ และสิ่งสำคัญคือ สังคมต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จางหายไปเหมือนคดีที่เคยผ่านมาแล้วหลายครั้ง
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!


กระแส “Copy Trader” ที่อ้างว่าสามารถคัดลอกการเทรดของมืออาชีพเพื่อสร้างกำไรโดยไม่ต้องวิเคราะห์เอง กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนหน้าใหม่ แต่เหตุการณ์ล่าสุดในไทยที่มีผู้เสียหายกว่า 10 ล้านบาทจาก “โค้ชสอน Copy Trade” ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของกลยุทธ์นี้อย่างชัดเจน เพราะเบื้องหลังความง่าย อาจซ่อนความไม่โปร่งใสและการหลอกลวง นักลงทุนควรตรวจสอบใบอนุญาต ผลการเทรดย้อนหลัง และเงื่อนไขค่าบริการอย่างรอบคอบก่อนลงทุน สุดท้าย Copy Trade ไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย แต่เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ “ความรู้ ความระมัดระวัง และวินัย” เช่นเดียวกับการเทรดด้วยตัวเอง.

เกิดกรณีโค้ชสอนเทรดชักชวนนักลงทุนร่วมระบบ Copy Trade โดยอ้างกำไรวันละ 5% และความเสี่ยงต่ำ สุดท้ายพอร์ตแตก สูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้ตำรวจไซเบอร์และสภาทนายความอยู่ระหว่างตรวจสอบ เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระวังคำโฆษณาที่การันตีกำไร เพราะไม่มีใครควบคุมตลาดได้จริง.

เกิดกรณีหลอกลงทุน “หุ้นทิพย์” ในไทย โดยแก๊งมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัท CST Securities และ VELTRIX เพื่อชักชวนผู้คนผ่านไลน์และแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เปิดบัญชีลงทุน โดยแสดงผลกำไรปลอมเพื่อหลอกให้โอนเงินจริง ก่อนปิดกั้นการถอนเงิน ส่งผลให้ผู้เสียหายสูญเงินรวมกว่า 27 ล้านบาท เหตุการณ์นี้เป็น Hybrid Scam ที่ผสมผสานการหลอกหลายขั้นตอน ใช้ภาพลักษณ์ของบริษัทถูกกฎหมายสร้างความน่าเชื่อถือ เจ้าหน้าที่เตือนให้นักลงทุนตรวจสอบใบอนุญาตและชื่อโบรกเกอร์ให้ถูกต้อง ไม่โอนเงินเข้าบัญชีบุคคล และระมัดระวังต่อคำชักชวนผลตอบแทนสูงเกินจริง เพราะ “ไม่มีการลงทุนใดปราศจากความเสี่ยง”

เกิดเหตุสะเทือนวงการลงทุน เมื่อกลุ่มนักเทรดไทยร้องเรียนต่อ ตำรวจไซเบอร์ สอท.1 หลังถูกหลอกให้ลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม Copy Trade ตามคำแนะนำของโค้ชชื่อดัง สูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท โดยโค้ชอ้างการันตีกำไรวันละ 5% แต่ภายหลังกลับหายตัวไปพร้อมพอร์ตที่แตกทั้งหมด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นการ ฉ้อโกงทางการเงินหรือความเสี่ยงจากการลงทุนจริง ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังบริการที่อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง และลงทุนบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและความรอบคอบ.
STARTRADER
ATFX
HFM
VT Markets
FXCM
AVATRADE
STARTRADER
ATFX
HFM
VT Markets
FXCM
AVATRADE
STARTRADER
ATFX
HFM
VT Markets
FXCM
AVATRADE
STARTRADER
ATFX
HFM
VT Markets
FXCM
AVATRADE